กลุ่มรณรงค์เพื่อชาวโรฮิงญาในเมียนมา เปิดเผยว่า การจับกุมดำเนินคดีชาวโรฮิงญาในเมียนมา ที่หลบหนีออกจากรัฐยะไข่มีสถิติลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากทางการเมียนมามีความกังวลว่า การจับกุมจะทำให้เรือนจำมีความแออัด และมีความเสี่ยงที่สถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะบานปลาย
การปราบปรามชาวโรงฮิงญาในปี 2560 ทำให้ชาวโรฮิงญาประมาณ 750,000 คนหลบหนีไปยังบังคลาเทศ ขณะที่ผู้ที่ยังอยู่ในรัฐยะไข่ก็ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งมีปัญหาเรื่องการรักษาพยาบาลและการศึกษา แต่ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ยังมีชาวโรฮิงญาจำนวนหลายร้อยคนถูกจับและควบคุมตัวในเรือนจำ ในข้อหาละเมิดกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองซึ่งมีโทษจำคุก 2 ปี แต่เมื่อวานนี้ (8 เม.ย.) ศาลในเขตอิรวดี มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชาวโรฮิงญา 128 คนออกจากเรือนจำเมืองปะเต็ง และในช่วงเช้าวันนี้ (9 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ได้รับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ และส่งกลับมาที่รัฐยะไข่แล้ว
นักรณรงค์เพื่อสิทธิของชาวโรฮิงญา เปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันเสาร์ (4 เม.ย.) มีชาวโรฮิงญา 250 คนถูกส่งตัวกลับมาที่รัฐ โดยไม่ได้เปิดเผยเหตุผล แต่คาดกันว่าอาจเกี่ยวกับการที่ในสัปดาห์หน้าจะเป็นเทศกาลปีใหม่ของชาวเมียนมา ซึ่งประธานาธิบดีมักนิรโทษกรรมแก่ผู้ต้องขัง
ก่อนหน้านี้ยังมีคำเตือนขององค์กรสิทธิมนุษยชน และองค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคในเรือนจำว่ามีความรุนแรง เนื่องจากความแออัด และสกปรก ซึ่งทำให้กลุ่มรณรงค์คาดว่า ทางการเมียนมาต้องการลดความแออัดในเรือนจำ จึงให้ปล่อยตัวชาวโรฮิงญากลับมาที่รัฐยะไข่
...
ปรับแผนดับไฟโกดังเก็บสารเคมี ที่ อ.ภาชี อยุธยา เจอน้ำที่พื้นเป็นกรด-อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ชี้แจงสาเหตุลาออก
คลื่นความร้อน ทำให้ปลาหลายแสนตัวตายลอยในอ่างเก็บน้ำ จังหวัดทางใต้ของเวียดนาม
กลุ่มหนุน-กลุ่มต้านอิสราเอล ปะทะกันในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เจ็บกันระนาว
ข่าวทั้งหมด
