นายกฯ ประชุมศบค.ติดตามโควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ประชุม ศบค. ผ่านระบบวีดิโอ คอนเฟอเรนซ์ ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ไปยังกระทรวงและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ หลังจากการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครบ 2 สัปดาห์ และในวันพรุ่งนี้ครบ 1 สัปดาห์จากการประกาศเคอร์ฟิว 22.00-04.00 น. รวมถึงการเตรียมพื้นที่กักตัวผู้ที่เดินทางกลับเข้าไทยจำนวนหลายเที่ยวบินในช่วงนี้
รมว.คลัง จัดสรรงบฯให้กลุ่มแรงงาน-เกษตรกร ตามข้อมูลที่ขึ้นทะเบียน
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ คาดว่า จะเป็นการรายงานมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด -19
มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบไปแล้ว เช่น การออกพระราชกำหนด กู้เงินเพื่อเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ 1,000,000 ล้านล้านบาท
ส่วนแรกที่เกี่ยวข้องกับมาตรการเร่งด่วน 600,000 ล้านบาท นายอุตตม ระบุว่า จะนำไปใช้ 3 ส่วน ประกอบด้วย
-เยียวยาแรงงาน
-อาชีพอิสระ ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ให้เงินชดเชยเดือนละ 5,000 บาท 6 เดือน
-ดูแลระบบสาธารณสุข
-ดูแลเกษตรกร ซึ่งกำลังพิจารณาให้จ่ายเงินสดช่วยเหลือเข้าบัญชีโดยตรงเลย แต่จำนวนเงินไม่เท่ากัน โดยจะช่วยเหลือเป็นรายครัวเรือนตามข้อมูลที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ส่วนกลุ่มอื่นๆ กำลังดูแนวทางให้ครอบคลุมที่สุด ทั้งในเรื่องปัจจัยการผลิต ค่าครองชีพ และการช่วยเหลือโดยดูผลกระทบภัยแล้งไปด้วย
ส่วนที่สองเป็นแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จะใช้งบประมาณสนับสนุนสร้างความเข้มแข็ง ให้เศรษฐกิจชุมชน และ สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับพื้นที่ วงเงิน 400,000 ล้านบาท
ออกซ์แฟม เผยโควิด-19 จะทำให้มีคนยากจนเพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 ล้านคนทั่วโลก
องค์กรการกุศลออกซ์แฟม ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เผยแพร่รายงานก่อนที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟกับธนาคารโลก จะจัดการประชุมในสัปดาห์หน้า โดยระบุว่า ไวรัสโคโรนาโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 83,000 ราย ทำลายระบบเศรษฐกิจทั่วโลกและทำให้ประชาชนประมาณ 500 ล้านคนกลายเป็นคนยากจน
รายงานของออกซ์แฟม ระบุว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ทรุดลงอย่างรวดเร็ว มีความรุนแรงมากกว่าวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2551 และอาจทำให้บางประเทศต้องกลับไปอยู่ในระดับความยากจน เมื่อประมาณสามทศวรรษ ภายใต้สถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดจำนวนผู้คนที่อาศัยอยู่ใต้เส้นความยากจนอย่างรุนแรงจะเพิ่มขึ้นอีก 434 ล้านคนและทำให้โลกมีคนยากจนรุนแรงเพิ่มเป็น 922 ล้านคนทั่วโลก และผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากส่วนใหญ่จะทำงานอยู่นอกระบบเศรษฐกิจ โดยมีสิทธิประโยชน์ตอบแทนจากการจ้างงานเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
ในรายงานเตือนว่า คนยากจนมีรายได้แบบรายวัน หากหยุดงานก็หมายถึงไม่มีรายได้ จึงไม่มีความสามารถในการสะสมทั้งเงินและของจำเป็นต่าง ๆ โดยมีแรงงานมากกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลกที่มีการทำงานในลักษณะนี้
สำหรับการประชุมของไอเอ็มเอฟกับธนาคารโลก ในสัปดาห์หน้า หัวข้อสำคัญคือผลกระทบที่มีต่อคนยากจนทั่วโลก เนื่องจากครัวเรือนมีรายได้ลดลง และมีการบริโภคลดลง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารโลก ออกรายงานระบุว่า คนยากจนในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก จะเพิ่มขึ้นอีก 11 ล้านคน หากสถานการณ์เลวร้ายลง ออกซ์แฟมจึงสนับสนุนให้รัฐบาลเพิ่มความช่วยเหลือทั้งเงินสดและเงินกู้แก่บุคคลและธุรกิจที่ต้องการรวมถึงให้ยกเลิกดอกเบี้ยเงินกู้
ขณะที่ไอเอ็มเอฟ ก็ควรเพิ่มความช่วยเหลือ ทั้งควรเพิ่มการเก็บภาษีมั่งคั่ง และผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อเก็งกำไร จะช่วยระดมทุนที่จำเป็น
CR:ภาพจากรัฐบาลไทย