ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม 2562

17 ตุลาคม 2562, 08:46น.


สภาฯ พิจารณางบประมาณพ.ศ.2563 วาระแรก



          การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3,200,000 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม จะนำเสนอหลักการของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อขอความเห็นชอบจากสภาในวาระที่ 1 วงเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2563 เพิ่มขึ้น 200,000 ล้านบาท จากงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2562 ที่ 3,000,000 ล้านบาท เป็นการตั้งงบขาดดุลบัญชี 469,000 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ตั้งงบขาดดุล 450,000 ล้านบาท เป็นการจัดสรรตามยุทธศาสตร์สำคัญ 6 ด้าน รัฐบาล ตั้งงบกลางสูงถึง 518,770.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.2 ของงบประมาณรวมทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นการตั้งงบประมาณเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 96,000 ล้านบาท ลดลงจากงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2562 จำนวน 3,000 ล้านบาทคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และฝ่ายค้าน สรุปเวลาอภิปรายฝ่ายละ 18 ชั่วโมง



เริ่มเปิดลงทะเบียนชิมช้อบใช้เฟส 2 วันที่ 23 ต.ค.



          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะทำงานชิมช้อปใช้ เสนอมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 2 ให้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 ตุลาคม จากนั้นเปิดให้ลงทะเบียนทันทีวันที่ 23 ตุลาคม การลงทะเบียนดำเนินการเหมือนเฟสแรก ลงทะเบียนผ่าน www.ชิมช้อปใช้.com และสามารถลงทะเบียนสาขาของธนาคารกรุงไทย เปลี่ยนเวลาให้ลงทะเบียนจาก 00.01 น. เป็นเวลาทำการแทน เน้นให้ประชาชนใช้จ่ายในกระเป๋า 2 โดยอาจจะคืนเงินมากกว่าเฟสแรกที่กำหนดคืนเงินร้อยละ 15 หรือไม่เกิน 4,500 บาท ของการใช้จ่าย 30,000 บาท น่าจะเป็นร้อยละ 20 จำนวนประชาชนที่ให้มาลงทะเบียนในเฟส 2 น้อยกว่าในเฟสแรก เพราะเท่าที่ประเมินประชาชนมีกำลังใช้จ่ายเพิ่มเติมอยู่ที่ประมาณ 10-11 ล้านคน ในเฟสแรกมีการลงทะเบียนไปครบแล้ว แต่พบว่ามีผู้ที่ไม่ยอมมาใช้สิทธิภายใน 14 วันประมาณ 4.3 แสนคน และมีผู้ที่ไม่ยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชั่นเป๋าตังประมาณ 3.4 แสนคน โดยผู้ที่ถูกตัดสิทธิมีประมาณ 7-8 หมื่นคนต่อวัน จากการดำเนินงานในเฟสแรก พบว่ายังมีเงินที่เหลือจากเฟสแรกสามารถดำเนินการต่อเนื่องในเฟส 2 ดังนั้น งบประมาณที่จะใช้ในเฟส 2 คงไม่มาก



          เป้าหมายของมาตรการชิมช้อปใช้ เป็นการพยุงเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นไม่ให้ชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก ด้วยการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยให้แรงจูงใจดึงผู้มีกำลังซื้อออกมาเดินทาง กระจายเม็ดเงินไปยังเศรษฐกิจฐานรากและเกิดความคึกคักในการใช้สอย มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีการช่วยเหลือในภาคส่วนอื่น เช่น เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรวมทั้งภาครัฐยังคงมีการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันของประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำอย่างต่อเนื่อง



คาดมาตรการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยทำให้เงินหมุน 300-400ล้าน



          นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึง มาตรการกระตุ้นการ ท่องเที่ยว ร้อยเดียวเที่ยวไทย และเที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลกว่าเป็นมาตรการที่เข้ามาเสริมการจับจ่ายใช้สอยของมาตรการชิมช้อปใช้ เพราะสามารถใช้ร่วมกันได้ คาดว่ามาตรการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยจะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนได้กว่า 300-400 ล้านบาท เสริมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจได้เพราะเชื่อว่าผู้ที่ได้รับสิทธิคงไม่ออกเดินทางท่องเที่ยวเพียงคนเดียว คงชวนครอบครัวหรือเพื่อนไปเที่ยวด้วย ทำให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้หากประเมินว่ามาตรการที่ออกมาได้รับการตอบรับดี มีผู้สนใจจำนวนมาก จะหารือกับกระทรวงการคลัง ขยายเวลาของร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยเพิ่มเป็นส่วนเสริมให้กับชิมช้อปใช้ที่จะเปิดเฟส2



ททท.เตรียมชี้แจงร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย



          การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จะชี้แจงรายละเอียดโครงการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยช่วงบ่ายวันนี้ มาตรการดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป หรือเปิดให้ทุกคนเข้าร่วมโครงการได้ ททท.ประเมินว่าจากการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาที่กำหนด จะมีผู้ร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 40,000 คน และมีผู้ร่วมเดินทางไม่น้อยกว่า 20,000 คน รวมไม่น้อยกว่า 60,000 คน และคาดว่าจะช่วยทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจจากกิจกรรมดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 297 ล้านบาท



          ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการต้องเข้าไปลงทะเบียนเลขบัตรประชาชน13หลักผ่านเว็บไซต์ จากนั้นล็อกอินเข้าสู่ระบบเพื่อเข้าไปเลือกสินค้าราคา 100 บาท ต่อรายการ โดยนักท่องเที่ยว 1 คนใช้ได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น และต้องใช้สิทธิ์ได้เฉพาะนอกจังหวัดที่ปรากฏบนบัตรประชาชน ซึ่งนักท่องเที่ยวไทยสามารถลงทะเบียนและร่วมซื้อสินค้าในกิจกรรมร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยได้จำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 10,000 รายการ ได้แก่วันที่ 11-12 พ.ย. 2562 และวันที่ 11-12 ธ.ค.2562 นี้ ได้ตั้งแต่เวลา 6.00น. – 24.00 น.ของแต่ละครั้ง หรือจนกว่าของจะหมด เมื่อซื้อแล้วนักท่องเที่ยวต้องจ่ายเงินผ่านระบบเพย์เมนต์ และใช้สินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.-31 ธ.ค.2562



          จำนวนสินค้าที่ร่วมโครงการมีทั้งหมด 40,000 รายการ ประกอบด้วย การเดินทาง ที่พัก สินค้าบริการท่องเที่ยว จะมีสินค้าพรีเมี่ยม เช่น โรงแรมที่พักในระดับ 4-5 ดาว ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของที่พัก 



หุ้นสหรัฐฯปิดลบกังวลจีนตอบโต้สหรัฐฯผ่านกฎหมายหนุนม็อบฮ่องกง



          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบเล็กน้อย จากข้อมูลค้าปลีกของสหรัฐฯลดลงผิดคาดในเดือนก.ย.ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการบริโภคของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก

นักลงทุนยังกังวลกับข่าวที่ว่าฝ่ายจีนรู้สึกไม่พอใจที่สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายปกป้องสิทธิของชาวฮ่องกง ความเคลื่อนไหวที่เป็นไปได้ว่าอาจเป็นตัวบ่อนทำลายการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน จนทำให้กระทรวงการต่างประเทศจีน ออกแถลงการณ์ตอบโต้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ผ่านร่างกฎหมายซึ่งเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง นายเกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอาจถูกทำลายลง หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ ทั้งกล่าวโทษชาติตะวันตก ว่ายั่วยุให้ชาวฮ่องกงต่อต้านรัฐบาลจีน



          นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของเบร็กซิต รัฐบาลนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักรพยายามจะเจรจากลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) จนถึงนาทีสุดท้าย เพื่อให้บรรลุข้อตกลงก่อนที่ในวันนี้กลุ่มอียูประชุมสุดยอดในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ดาวโจนส์ ลดลง 22.82 จุด ปิดที่ 27,001.98 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 5.99 จุด ปิดที่ 2,989.69 จุด แนสแดค ลดลง 24.52 จุด ปิดที่ 8,124.18 จุด ส่วนราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 10.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,494.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์



          สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 55 เซ็นต์ ปิดที่ 53.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 68 เซ็นต์ ปิดที่ 59.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โอเปกและพันธมิตรมีกำหนดประชุมทบทวนนโยบายการผลิตที่กรุงเวียนนาออสเตรีย ในวันที่ 5-6 ธันวาคม 2562 ท่ามกลางความคาดหมายว่ากลุ่มที่เรียกว่า OPEC+ จะขยายมาตรการลดกำลังการผลิตไปจนกว่าอุปสงค์จะเท่าเทียมกับสถานการณ์ด้านอุปทาน ข้อตกลงปัจจุบัน โอเปก,รัสเซียและผู้ผลิตอื่นๆ เห็นพ้องลดกำลังการผลิตรวมกันลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงเดือนมีนาคม 2020



แฟ้มภาพ 

ข่าวทั้งหมด

X