อียูกดดัน รัฐบาลบราซิล ดับไฟป่าอเมซอน

ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู แห่งบราซิลมีคำสั่งให้กองทัพบราซิลระดมกำลังเข้าดับไฟป่าที่กำลังลุกลามในเขตป่าอเมซอนแล้ว หลังถูกกดดันอย่างหนักจากบรรดาผู้นำกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปหรืออียู โดยทหารบราซิลจะประจำการทั้งในเขตป่าอนุรักษ์ ชุมชนของคนพื้นเมือง และตามแนวพรมแดนเป็นระยะเวลา 1 เดือน เพื่อปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์และเกิดขึ้นมานานกว่า 18 วันแล้ว

ก่อนหน้านี้ ทั้งผู้นำฝรั่งเศสและไอร์แลนด์ต่างออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่า ทั้งสองประเทศจะไม่ให้การรับรองข้อตกลงการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ หากบราซิลไม่รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นในป่าอเมซอน ซึ่งเป็นป่าดิบชื้นและป่าฝนเขตร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฟินแลนด์ที่เรียกร้องให้อียูพิจารณามาตรการลงโทษบราซิลด้วยการระงับการนำเข้าเนื้อวัวจากบราซิล โดยข้อเรียกร้องจากฟินแลนด์ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อที่ประชุมอียู เนื่องจากปัจจุบัน ฟินแลนด์เป็นประธานกลุ่มอียูตามวาระ

ด้านกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมต่างออกมาชุมนุมประท้วงเพื่อกดดันรัฐบาลตามเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วบราซิล รวมทั้งยังมีรายงานด้วยว่าผู้ชุมนุมหลายร้อยคนได้ปักหลักชุมนุมกันบริเวณด้านนอกสถานทูตบราซิลในหลายประเทศ ทั้งที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ กรุงเบอร์ลินของเยอรมนี นครมุมไบของอินเดีย และกรุงปารีสของฝรั่งเศส

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ส่งข้อความในทวิตเตอร์ระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับผู้นำบราซิลแล้ว พร้อมบอกกับผู้นำบราซิลว่า ยินดีให้ความช่วยเหลือรัฐบาลบราซิลในการแก้ไขปัญหาไฟป่า ตามที่ประธานาธิบดีบราซิลยืนกรานว่ารัฐบาลบราซิลขาดแคลนทรัพยากรในการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด แต่กลุ่มนักอนุรักษ์เชื่อว่ารัฐบาลทำให้สถานการณ์ไฟป่าเลวร้ายลงจากการส่งเสริมให้การถางป่าของบรรดานักค้าไม้และเกษตรกร จนทำให้พื้นที่ป่าลดน้อยลง