นายกรัฐมนตรีไทย-ลาว เป็นสักขีพยานกฟผ.-ฟฟล.ลงนามซื้อขายไฟฟ้าแหล่งสำคัญฉลองครบ50ปี

14 ธันวาคม 2561, 14:39น.


การลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) และการเปิดนิทรรศการ “50 ปี ความมั่นคงจากอดีต ปัจจุบัน สู่อนาคต” ที่หอประชุมแห่งชาตินครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทย และ นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ท่านบุนอุ้ม สีวันเพ็ง ผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) เบื้องต้น สัญญาซื้อขายไฟฟ้าน้ำงึม 1 และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเซเสด





นายวิบูลย์ เปิดเผยว่า การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เนื่องจาก สัญญาซื้อขายไฟฟ้าน้ำงึม 1 และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเซเสด ฉบับเดิมครบกำหนดอายุสัญญาฯ โดย ฟฟล. ได้ขอเสนอปรับอัตราค่าไฟฟ้าใหม่สำหรับทั้งสองโครงการ เพื่อให้สะท้อนต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าที่แท้จริงตามที่มีการซื้อขายไฟฟ้ากันในปัจจุบัน  โดยอัตราค่าไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างเจรจาและพิจารณาเสนอขออนุมัติฝ่ายนโยบายที่จะใช้ทำสัญญากับ ฟฟล. สำหรับปี 2562  ปริมาณไฟฟ้าที่ กฟผ. จะรับซื้อจาก ฟฟล. ให้มีอัตราค่าไฟฟ้าในช่วง Peak เท่ากับ 1.80 บาทต่อหน่วย และในช่วง Off-Peak เท่ากับ 1.53 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราเฉลี่ยประมาณ 1.63 บาทต่อหน่วย และสำหรับปริมาณไฟฟ้าที่ ฟฟล. รับซื้อจาก กฟผ. ให้มีอัตราค่าไฟฟ้าในช่วง Peak เท่ากับ 1.90 บาทต่อหน่วย และในช่วง Off-Peak เท่ากับ 1.63 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราเฉลี่ยประมาณ 1.73 บาทต่อหน่วย โดยอัตราค่าไฟฟ้าดังกล่าวจะเป็นอัตราที่ใช้ระหว่าง กฟผ. และ ฟฟล. จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562





สำหรับการลงนามของทั้งสองฝ่ายในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่นี้ นอกจากจะเป็นการลงนามเพื่อกำหนดราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของพลังงานไฟฟ้าที่มีการซื้อขายกันที่เป็นปัจจุบันแล้ว ยังเป็นการลงนามในวาระครบรอบ 50 ปี สายส่ง สานสัมพันธ์ พลังงาน ลาว – ไทย มั่นยืน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ และการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาด้านพลังงานไฟฟ้าร่วมกันอย่างยั่งยืน ซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและลาว ได้รับซื้อไฟฟ้าจากลาว ตั้งแต่ปี 2536 จนมาถึงปัจจุบัน กว่า 6,000 - 7,000 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มปริมาณตามสัญญาฉบับที่ 5 ในปี 2559 (9,000 เมกะวัตต์)





นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้ร่วมเปิดนิทรรศการ “50 ปี ความมั่นคงจากอดีต ปัจจุบัน สู่อนาคต” บอกเล่าถึงความสัมพันธ์การพัฒนาไฟฟ้าไทย - ลาว ตลอด 50 ปีและภายในวันนี้การเสวนาเชิงวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “ความมั่นคงจากเสาส่งต้นแรกสู่ปัจจุบัน และอนาคตที่มั่นยืน”  ที่ หอประชุมแห่งชาตินครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาวโดยมีผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์รัฐพิธี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2511 จากทั้งฝั่งไทยและสปป.ลาว ร่วมเสวนาอีกด้วย

ข่าวทั้งหมด

X