หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำหลักเกณฑ์จัดสรรผู้สมัครลงเลือกตั้ง ไม่กดดันตัวเอง

วันนี้ที่พรรคภูมิใจไทย นาย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับบุคคลจำนวนมากที่ทยอยมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค เช่น นาย กุมพล สภาวสุ บุตรชายนาย ประมวล สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นาย สันติ สมบัติ หรือ เต๋อ เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชื่อดัง พร้อมด้วยนายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง เป็นต้น ก่อนจะระบุถึงสาเหตุที่ยังมีผู้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคต่อเนื่องว่า เป็นเพราะพรรคมีนโยบายมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนผ่านสโลแกนที่ว่า "ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน" โดยหลายอย่างในประเทศจะต้องได้รับการแก้ไข ที่สำคัญพรรคจะไม่เล่นประเด็นการเมือง ส่วนที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. ระนองมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ก็เชื่อว่ามาจากนโยบายที่สอดคล้องกัน  

ขณะนี้ที่หลายพื้นที่ของพรรคมีคนสมัครลงส.ส.มากกว่า 1 คน พรรคจะต้องคัดคนที่แข็งแกร่งที่สุดมาลงส.ส. ซึ่งมีหลักเกณฑ์เบื้องต้นว่าบุคคลนั้นต้องได้รับการประเมินว่าจะได้คะแนนเสียงมากกว่า 10,000 คะแนนขึ้นไปในพื้นที่ที่ลงแข่ง เนื่องจากพรรคมองถึงชัยชนะ ไม่ได้หวังแค่คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ขอตั้งเป้าว่าจะได้กี่ที่นั่งในสภา เพราะจะเป็นการกดดันตัวเอง ขอทำให้ดีที่สุดก็พอ และพรรคจะน้อมรับผลการเลือกตั้งไม่ว่าจะออกมาอย่างไร เพราะถือว่าเป็นคำพิพากษาของประชาชน

นาย อนุทิน ยังไม่แน่ใจว่าพรรคจะส่งผู้สมัครครบ 350 เขตหรือไม่ แต่จะพยายามส่งให้ครบ และเชื่อว่าคนที่ส่งไปจะเป็นความหวังสูงสุดของพรรค และไม่กังวลถึงพื้นที่ทับซ้อนในการแข่งขัน เพราะพรรคมีระบบตรวจสอบความนิยมของผู้สมัครทุกคืนแบบเรียลไทม์ ส่วนกรณีนาย สุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่มีความกังวลใด และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกทั้งหลายคนในตระกูลตันเจริญ เช่น นาย ณัฐพล  ตันเจริญ หลานนาย สุชาติ ก็ยังอยู่กับพรรคต่อไป แต่การแข่งเลือกตั้งจะไม่มีการออมมือในทุกเขตแน่นอน

เมื่อถามถึงแนวนโยบายด้านการแก้ปัญหาสินค้าและราคาเกษตรของพรรค ยอมรับว่านโยบายบางอย่าง เช่น การแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มตรงกับนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้พรรคมีนโยบายแก้ปัญหาพืชผลการเกษตรที่เน้นสร้างความต้องการซื้อสินค้าให้เกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ และมีนโยบายให้ต้นทางถึงปลายทางของกระบวนการผลิตต้องได้กำไรกันครบ ทั้งปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาด ไม่ส่งเสริมให้เกษตรกรทิ้งการปลูกพืชผักปกติ แล้วไปปลูกพืชผักชนิดใดเป็นพิเศษ เพราะจะส่งผลให้สินค้าล้นตลาดได้ ส่วนที่พรรคเคยมีแนวคิดดันเกร็บให้ถูกกฎหมาย ก็ย้ำว่าไม่ใช่นโยบายขายฝัน และพรรคจะทำในสิ่งที่ถูกต้องให้ประจักษ์