ตำรวจรับตรวจสอบเรือฟินิกซ์เพื่อขยายผลดำเนินคดี ไม่ละเว้น

18 พฤศจิกายน 2561, 14:04น.


ความคืบหน้าทางคดีเรือฟีนิกซ์ที่กู้เรือขึ้นมาได้แล้ว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่าทางพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร.ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกราย โดยในการกู้เรือมีกล้องบันทึกภาพและวีดีโอทุกขั้นตอน ยืนยันว่าการทำงานมีความโปร่งใส มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ คือเอาผิดกับเจ้าท่าภูเก็ตในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ




ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี สั่งการชัดเจนว่าหากพบเจ้าหน้าที่รัฐทำผิด เราจะไม่ปกป้องต้องทำความจริงให้ปรากฏ ส่วนการสอบสวนทางคดี พนักงานสอบสวนและตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งฟ้องอัยการแล้ว โดยเรือเป็นวัตถุพยานสำคัญที่นำขึ้นมาประกอบคดี ซึ่งในส่วนของเรือ ผู้ต่อเรือหรือร้านต่อเรือ สอบปากคำหมดแล้วดำเนินคดีไปแล้ว เพราะว่าการต่อเรือไม่ได้ต่อโดยอู่เรือที่ได้มาตรฐาน แต่เป็นการต่อเรือโดยโรงกลึง โดยเรือฟีนิกซ์ตามที่ดูจากพิมพ์เขียว พบว่า เรือไม่ได้มาตรฐานตั้งแต่หัวจรดท้าย ไม่ว่าจะเป็นผนังกั้นน้ำ ประตูท้ายเรือ กระจก เรือชูชีพต่าง ๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า การต่อเรือเช่นนี้ต้องใช้งบประมาณ 80-90 ล้านบาท แต่งบที่ใช้จริงคือประมาณ 10 ล้านบาท อีกทั้ง พิมพ์เขียวที่จะต่อเรือแบบนี้ได้ต้องมีจำนวน 80-90 ฉบับ แต่รายนี้มีพิมพ์เขียวจำนวน 3-4 แผ่นเท่านั้น ซึ่งจะต้องมาขยายผลต่อว่าพิมพ์เขียวเรือใครเป็นผู้รับรอง ต้องมาดูว่าเจ้าท่าคนไหนเป็นผู้รับรอง และใครเป็นผู้อนุญาตให้ลงน้ำ ใครเป็นผู้อนุญาตให้ต่อเรือ ต้องตรวจสอบทั้งหมด ยืนยันว่าเพื่อให้ผู้ประกอบการในภูเก็ตได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น  




ด้าน พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ระหว่างที่มีการกู้เรือฟินิกซ์ได้บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนโดยบริษัทของสิงคโปร์เป็นผู้จัดทำทั้งหมด ภาพทุกภาพจะถูกส่งเข้ามารวบรวมประกอบการพิจารณา ซึ่งต้องดูว่าเกี่ยวพันกับเอกชนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากพบว่าใครทำผิดหรือเกี่ยวข้อง ก็ต้องดำเนินการตามกฏหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีไปจีนแล้ว 1 ราย อยู่ะหว่างประสานงานกับทางการจีน ระบุว่า คดีเรือล่ม เป็นการกระทำโดยประมาท ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอที่จะลงโทษ กล่าวหาได้ ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้ว และส่งฟ้องต่อศาล แล้วซึ่งอยู่ในการพิจารณาดีของศาล ในการดำเนินคดีนั้นพบว่า ปรากฏว่า บริษัทที่มาจดทะเบียนแล้วเป็นเจ้าของเรือก็เป็นนอมินีอีกจึงดำเนินคดีอีกคดีหนึ่งส่งฟ้องศาลไปแล้วด้วยกันทั้งคู่ ขณะนี้รอการพิจารณาคดีในชั้นศาล คงจะใช้เวลาอีกไม่นาน 


..........


ผสข.อชัถยา ชื่นนิรันดร์
ข่าวทั้งหมด

X