นำร่าง 1 ในผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตู้พุ่งชนปิคอัพทำพิธีทางศาสนาหลังญาติยืนยัน

03 มกราคม 2560, 15:10น.


อุบัติเหตุรถตู้โดยสารชนประสานงานกับรถปิคอัพเกิดไฟลุกไหม้ ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต25ราย บาดเจ็บ2ราย ล่าสุดเจ้าหน้าได้เคลื่อนย้ายศพแรก คือนายกันตินันท์ ไทยตรง อายุ 23 ปี พนักงานธนาคารเกียรตินาคิน เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตโดยนำไปประกอบพิธีของศาสนาคริสต์ที่โบสถ์คาทอลิกคท่าแฉลบ ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี



ส่วน 1 ในผู้โดยสารมากับรถตู้และเสียชีวิตคือ นายพรหมพต กอศิริวลานนท์ หรือกัน ซึ่งเป็นนิสิตคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี2 ขณะนี้นางสาวศศินันท์ สิทธิบุศย์ และนางสาวปาเจรา กอศิริวลานนท์ แม่และพี่สาวของน้องกัน ได้เดินทางมายื่นเรื่องตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลและขอรับศพ โดยนางสาวศศินันท์ เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถทำใจได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เพราะน้องกันเป็นลูกชายคนเดียวอยู่ด้วยกันมาตลอด และวันเกิดเหตุ ก่อนออกเดินทางได้มาส่งน้องกันที่ท่ารถตู้ ด้วยและบอกกับลูกว่า อย่าเพิ่งกลับ ให้อยู่เป็นเพื่อนก่อน แต่น้องกันอยากกลับมหาวิทยาลัยไปอ่านหนังสือ เพื่อเตรียมสอบ จึงพาน้องกันไปส่งที่คิวรถตู้ในจันทบุรี ช่วงเวลา11โมง พร้อมกับกอดและหอมแก้ม แต่ไม่คิดว่าอ้อมกอดนั้นจะเป็นอ้อมกอดสุดท้ายที่ได้กอดลูก  ยอมรับว่า ทุกครั้งที่น้องกันนั่งรถตู้ ตนไม่เคยมีความสุข ไม่อยากให้นั่งรถตู้





ขณะเดียวกันเพื่อน16คนของน้องกันได้เดินทางมาที่สถาบันนิติเวชเช่นกัน โดยนางสาวศุภรดา ประคองสาย หนึ่งในเพื่อนของน้องกันเปิดเผยว่า อุปนิสัยของ กัน เป็นคนตลกเฮฮา เป็นที่รักของเพื่อนในคณะ  ก่อนหน้านี้กันได้กลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวที่จังหวัดจันทบุรี แต่คณะแพทยศาสตร์มีทั้งการเรียนและการสอบ  น้องกันจึงเดินทางกลับมาเตรียมตัวสอบในสัปดาห์นี้  หลังทราบข่าวรถตู้จันทบุรีที่กำลังมากรุงเทพมหานครเกิดอุบัติเหตุ  จึงเกิดความสงสัยและเป็นห่วง ซึ่งเพื่อนๆพยายามช่วยกันติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ จนกระทั่งทราบว่าญาติของน้องกันเดินทางไปดูศพ ทำให้รูว่าน้องกันเสียชีวิตแล้ว ขอฝากถึงผู้ประกอบการรถตู้ให้กำชับผู้ขับขี่และวางมาตรการควบคุมดูแลจำกัดความเร็ว เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก





พลตำรวจตรีนายแพทย์พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า หลังการตรวจพิสูจน์เบื้องต้นคาดว่าวันนี้จะสามารถนำร่างของผู้เสียชีวิต 10 ศพส่งมอบให้กับญาติได้  หากญาติเห็นหน้าศพและสามารถยืนยันบุคคลได้ เช่น ลักษณะใบหน้า หรือรอยตำหนิ โดยโรงพยาบาลตำรวจจะเก็บข้อมูลรายละเอียดของศพ เพื่อนำไปเป็นข้อมูลหาสาเหตุของการเสียชีวิตแล้ว ว่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือ ไฟคลอก



ส่วนการเก็บหลักฐานดีเอ็นเอ จำเป็นต้องเก็บไว้เพื่อนำไปตรวจเปรียบเทียบตัวบุคคลอีกครั้ง ยืนยันว่าแม้สภาพศพจะไหม้เกรียมก็ไม่เป็นอุปสรรคในการพิสูจน์ โดยญาติของผู้เสียชีวิตทั้งหมดสามารถมาแสดงตัวกับทางโรงพยาบาลตำรวจได้ ขณะเดียวกันทราบรายชื่อของผู้เสียชีวิตครบทั้ง25รายแล้ว รอเพียงญาติของผู้เสียชีวิตที่เหลือมายืนยัน สามารถรับศพกลับไปได้ 

ข่าวทั้งหมด

X