รวบแท็กซี่ โกงค่าโดยสารนักท่องเที่ยวจีน 2,540 บาท

29 กันยายน 2559, 10:08น.


การติดตามคนขับรถแท็กซี่ทีเรียกเก็บเงินค่ารถโดยสารนักท่องเที่ยวจีนแพงถึง 2,540 บาท  หลังจากที่เจ้าหน้าที่โรงแรม ได้แจ้งร้องเรียนผ่านจส.100 แทนผู้โดยสารชาวจีน จำนวน 4 คน ที่เรียกแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1 มก 665 กรุงเทพมหานคร จากสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์พญาไท ไปลงที่ โรงแรมธาราเพลส ถ.สามเสน ถูกเรียกเก็บค่าโดยสารจำนวน 2,540 บาท ซึ่งกรมการขนส่งทางบก และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ได้ประสานงานตรวจสอบรายละเอียดและไปควบคุมตัวได้ที่ คอนโดซิตี้โฮม ซ.รัชดาภิเษก10 ตำรวจท่องเที่ยวได้เชิญตัวผู้ขับขี่รถคันกล่าวเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งสีหน้าของคนขับรถแท็กซี่ เรียบเฉย ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งรูปไปให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ว่าจ้างรถคันดังกล่าว ตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ และได้รับการยืนยันว่าใช่ แต่ขณะนี้นักท่องเที่ยวทั้งหมดอยู่ที่พัทยา จะกลับมาถึงกรุงเทพในวันที่ 3 ต.ค. เพื่อมายืนยันตัวผู้กระทำผิด โดยในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.นายสุกรี จารุภูมิ ผู้อำนวยการกองตรวจการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าว



ทั้งนี้ คนขับรถแท็กซี่ ชื่อ นายสุรชัย ศรีทับไทย ไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ เคยทำผิดมาแล้ว 3-4 ครั้ง  ลงโทษดำเนินคดีเบื้องต้น จำคุก 1เดือนปรับ1,000บาท



นายสุกรี ชี้แจงว่า หลังการสอบปากคำคนขับรถแท็กซี่ ระบุว่า กดปุ่มผิด ไปกดปุ่มรอบมิเตอร์จึงมีตัวเลข 2540 ขึ้นมา และนักท่องเที่ยวก็จ่ายเงินค่าโดยสาร3,000บาท ทั้งนี้ คดีนี้เป็นคดีอาญา เป็นคดีฉ้อโกง เนื่องจาก เจ้าหน้าที่โรงแรมได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่สน.ชนะสงคราม ด้วย  หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะส่งสำนวนกลับมาที่กรมการขนส่งทางบก มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เจ้าหน้าที่จะพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 1ปีและดำเนินคดีเพิ่มเติมกับเจ้าของรถที่เป็นพี่ชายด้วย นอกจากนี้ คนขับรถแท็กซี่ ได้ใช้สติ๊กเกอร์เปลี่ยนหมายเลขทะเบียนเฉพาะด้านหลัง จาก 665 เป็น 666 ทำให้เข้าใจผิดเรื่องหมายเลขทะเบียน แต่เมื่อถูกจับกุมได้แกะสติ๊กเกอร์ออก แต่ยังเห็นเป็นรอยอยู่  





ตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า ไปรวบตัวได้เมื่อคืนนี้ 24.00น. คนขับรถแท็กซี่ รับสารภาพ ยินดีให้ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ  ทั้งนี้หากมีผู้เสียหายเจอคดีเช่นนี้และแจ้งมาจะรีบดำเนินคดีให้เร็ว ป้องกันไม่ให้นักนักท่องเที่ยว นำเรื่องแบบนี้ไปบอกต่อเพราะจะส่งผลเสียหายต่อประเทศได้  



 



ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร 

ข่าวทั้งหมด

X