รมว.กลาโหม ย้ำ ไทยมีหลักฐานมัดเขมร ฝ่าฝืนข้อตกลงมาเลเซีย โจมตีไทยหลังลงนาม 26 ต.ค.

          สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จะมีการหารือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา (จีบีซี) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหมระบุว่า ในส่วนของข้อเท็จจริงเฉพาะฐานข้อมูลที่มีอยู่ก่อนไปประชุม ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค. 2568) เป็นการประชุมของฝ่ายเลขานุการจีบีซีหากประชุมไม่ได้ตามที่ตนคิดเอาไว้ จะไม่ไปลงนาม 

           พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า พฤติกรรมของกัมพูชา นอกจากผิดอนุสัญญาออสตาวา ยังพบหลักฐานว่ากัมพูชานำระเบิดและรถถังมาดัดแปลงเป็นทุ่นระเบิดสังหาร และมีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งต้องขอบใจทหารกัมพูชาบางคนที่บันทึกหลักฐานเอาไว้ให้เรา จากการตรวจพบหลักฐานที่บ้านสามหลัง ซึ่งได้พบเห็นเอกสารฉบับหนึ่งที่ระบุพิกัด แต่ในมุมขวาบนจะเขียนว่า 30/10/2025 เป็นหลักฐานมัดว่า เมื่อเราลงนามปฏิญญาสันติภาพในวันที่ 26 ต.ค.แต่กลับมีการวางระเบิดในวันที่ 30 นั้น ดังนั้นกัมพูชาจึงไม่ปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพอย่างชัดเจน 

          นอกจากนี้ กัมพูชายังใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทางทหาร 3 ที่คือ ปราสาทตาควาย ปราสาทพระวิหาร และปราสาทคนา รวมถึงทหารกัมพูชาใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก ใช้ BM-21 เมื่อยิงเสร็จก็เข้าชุมชน

          ส่วนที่หลายคนจึงได้สงสัยว่าทำไมเราทำลาย BM-21 ไม่ได้ เพราะเราเคารพกติกา เราไม่ยิงในพื้นที่ที่เป็นที่เป้าหมายพลเรือน จึงเป็นเหตุให้กัมพูชาใช้ช่องว่างตรงนี้ใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิง BM-21

          จากสถานการณ์ปัจจุบันเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ยังมีการระดมยิง บีเอ็ม-21 มาฝั่งเราและฝั่งฮุนเซนก็ประกาศว่าพร้อมจะรบระยะยาว ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาประกาศว่าพร้อมหยุดยิง แบบนี้จะทำให้เราเชื่อใจได้อย่างไร เพราะฉะนั้นการประชุมในครั้งต่อไป ขอยืนยันกับทุกคนว่าเรายืนหลักปฏิญญาสันติภาพอยู่ แต่คงไม่เหมือนเดิม ต้องลงรายละเอียดมากกว่านี้ บางข้ออาจจะปล่อยไปอีกระยะหนึ่งซึ่งนี่คือสิ่งที่ตนบอกได้ แต่อยากให้เชื่อมั่นคณะจีบีซีว่าเราจะปกป้องอธิปไตย ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และยึดถือกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะจากห้วงเวลาที่ผ่านมาตนมองว่าเราต้องอยู่กับกฎหมายระหว่างประเทศ 

          ส่วนขณะนี้ เราได้สถาปนาเกือบครบแล้ว ซึ่งพล.อ.ณัฐพล พยักหน้าและยิ้ม  อย่างไรก็ตาม พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ที่ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม ก็ยังยิงอยู่ และที่เงียบตอนนี้คือด้านจันทบุรี และตราด