สายๆของต้นสัปดาห์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพ ได้พาสื่อมวลชนเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดปทุมธานี เพียงแค่ 1 ชั่วโมงจากกรุงเทพก็เดินทางมาถึงมาถึงกันแล้ว เราเริ่มที่แรกกันด้วยพิพิธภัณฑ์หินแปลก แค่ชื่อก็รู้สึกแปลกแล้ว ที่นี่ก่อตั้งโดย คุณบรรยง เลิศนิมิต นักสะสมหินแปลกแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ 29/2 ม.1 ถ.รังสิต-ปทุมธานี ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี เปิดประตูเข้าไปจะพบหินหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นหินหยก ฟอสซิล และหินธรรมชาติเป็นจำนวนมาก และทุกชิ้นจะมีลักษณะรูปร่างแปลกประหลาด บางก้อนอายุโดยประมา 200 ล้านปี ส่วนใหญ่จะเป็นหินในประเทศไทย และมีบางส่วนมาจากต่างประเทศ
ก้อนหินที่ผ่านการกระแทก ถูกกัดกร่อนจากน้ำและดิน จนกลายเป็นสิ่งสวยงาม รูปร่างพิสดาร พวกเราเคลิบเคลิ้มไปกับจินตนาการของหินที่แปลกตา ใครจะรู้ว่าแค่ก้อนหินบางก้อน อาจมีมูลค่าเทียบเท่าอัญมณีก็ได้
หลังจากได้ความรู้มาเต็มสมอง ท้องก็เริ่มเรียกร้องหาของกินแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราแวะเติมของหวานกันก่อนที่ตลาดอิงน้ำสามโคก มาชิมขนม และสัมผัสวิถีชุมชนริมน้ำ แต่เดิมคือตลาดปากคลองบางเตย แต่เมื่อปีพ.ศ. 2513 ตลาดเกิดไฟไหม้ทำให้ตลาดแห่งนี้หายไป ชาวบ้านจึงรวมกลุ่มกันของบกับทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ขอเปิดตลาดอีกครั้ง ใช้ชื่อว่าตลาดอิงน้ำสามโคก ปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 100 ร้านค้า มีทั้งขนมและอาหาร หลากหลายชนิดให้เลือกชิม อย่างเช่น หมูโสร่ง อาหารไทยโบราณ ที่หาทานได้ยาก ฉะนั้นหากออเจ้าอยากทาน เชิญแวะที่ตลาดแห่งนี้ได้เลย
เดินตามกลิ่นกะทิมาแต่ไกล มองหาว่ามาจากร้านไหน จนเจอร้านขนมที่แปลกตา ข้าวหลามในกะลามะพร้าวอ่อน โดยทั่วไปข้าวหลามจะอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ รูปร่างแปลกตาแต่รสชาติอร่อยไม่แปลกลิ้น หวานพอดีลงตัวด้วยความมันของกะทิ อร่อยจนต้องซื้อกลับบ้านอย่างแน่นอน
เดินไปเรื่อยๆ เจอร้านกาแฟ "ข้ามคลองคาเฟ่" ร้านนี้สะดุดตาด้วยการตกแต่งร้านด้วยของสะสมในสมัยวัยเด็ก แค่เห็นหน้าร้าน ก็ทำให้อยากเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศสักหน่อยแล้ว
และที่ไม่อยากให้พลาดคือของฝากจากสามโคก "ขนมปังเนยสด " ที่ทั้งอร่อยและหอมเนยสดมากๆ แม่ค้าบอกว่าทำสดใหม่ทุกวัน
อิ่มท้องกันแล้วมาอิ่มบุญกันบ้างที่วัดโบสถ์ ที่สร้างโดยชาวมอญที่อพยพหนีภัยสงครามมา เดิมมีชื่อว่า วัดสร้อยนางหงส์ มาสักการะพระปทุมธรรมราช เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดปทุมธานี มีพระพุธรูปศักดิ์สิทธิ์อีกองค์คือ หลวงพ่อเหลือ มีมาแต่โบราณ ประดิษฐานในโบสถ์ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 12 องค์ ปี พ.ศ. 2507 ขโมยได้ตัดเศียรพระพุทธรูปไป เหลือพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่ไม่ถูกตัดเศียร ชาวบ้านจึงเรียกชื่อว่า หลวงพ่อเหลือ พระพุทธคุณที่เชื่อว่า ผู้ใดได้กราบไหว้บูชาปิดทองจะคลาดแคล้วจากสิ่งไม่ดี และมีเงินทองเหลือเก็บ วัดโบสถ์ยังมีรูปปั้นสมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี ปางเทศนาธรรม สูง 28 เมตร เป็นองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศ
.jpg)
จากนั้นเราเดินทางต่อที่วัดสิงห์ อ.สามโคก บรรยากาศเมื่อเข้ามาในวัดเหมือนทะลุมิติไปในอดีตสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ช่วงอยุธยาตอนกลาง ที่ยังคงความงามในแบบโบราณ ทั้งโบราณวัตถุ และโบราณสถานที่สำคัญ เช่น อุโบสถ วิหารน้อยรูปทรงท้องสำเภา และวิหารโบสถ์(ศาลาดิน) เป็นศาลาเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศ
การมาวัดสิงห์ ต้องมานมัสการพระจตุรทิศ ทั้ง 4 ทิศ คือ หลวงพ่อโตที่หันไปทางทิศเหนือ และด้านหลังยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ คือหลวงพ่อเพชรที่หันไปทิศใต้ ทั้งสององค์ประดิษฐานอยู่ในศาลาดิน ข้างศาลาดินจะมีอุโบสถที่ประดิษฐานของพระประธาน 2 องค์ หันไปทางทิศตะวันตก ถัดจากวิหารโบสถ์ มีวิหารน้อยข้างในมีพระประธานที่หันไปทางทิศตะวันออก
ด้านหลังวิหารน้อยยังมีโกศปูนปั้น หลวงพ่อพระยากราย อดีตเจ้าอาวาสวัดสิงห์ เป็นศิลปะในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
เลยจากวัดสิงห์ไปไม่ไกล มีสวนกระบองเพชร ชื่อกระท่อมลุงจรณ์ เปิดขายมากว่า 60 ปี เป็นเจ้าแรกที่นำเข้าต้นกระบองเพชร ปัจจุบันมีกระบองเพชรมากกว่า 2,000 ชนิด บนพื้นที่ 5 ไร่ มีทั้งสายพันธุ์ที่ผสมเองโดยลุงจรณ์เจ้าของฟาร์มอีกด้วย
ราคาเริ่มต้นที่ ต้นละ 20 บาท จนถึง หลักแสนกันเลยที่เดียว สำหรับผู้ที่หลงใหลในต้นกระบองเพชร ต้องมาแวะช้อปปิ้งกัน

ส่วนคนที่อยากจะเที่ยวใกล้กรุงเทพ ด้วยวันหยุดอันน้อยนิดแค่เพียงวันเดียวก็เที่ยวได้ ลองนึกถึงจังหวัดปทุมธานี ชื่อนี้มีแต่ที่เที่ยวดีๆเหมือนกัน สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 02 276 2720 - 1 หรือทาง Facebook : TAT Bangkok