พาชม..คอนเสิร์ต Coldplay Live In Bangkok,Thailand 2017 พร้อมบอกเล่าความประทับใจแบบจัดเต็ม!

08 เมษายน 2560, 14:46น.


Coldplay คือ วงอัลเทอร์เนทีฟร็อค จากเกาะอังกฤษ ที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คน ได้แก่ Chris Martin , Jonny Buckland , Guy Berryman , Will Champion



และมีผลงานสตูดิโอ 7 อัลบั้ม คือ Parachutes (2000) , A Rush Of Blood To The Head (2002) , X&Y (2005) , Viva La Vida or Death And All His Friends (2008) , Mylo Xyloto (2011) , Ghost Stories (2014) , A Head Full Of Dreams (2014)


    ก่อนอื่นจะขอเล่าความเป็นมากันสักนิด

 Coldplay เป็นวงดนตรีที่ผมรู้จักตั้งแต่สมัยมัธยม ช่วงนั้นพวกเขาเพิ่งวางจำหน่ายอัลบั้ม Viva La Vada or Death and All His Friends (ประมาณปี 2008) เป็นวัยที่ผมหัดฟังเพลงใหม่ๆ พูดง่ายๆ คือลองไปเรื่อย.. สิ่งที่ทำให้ผมเปิดใจฟังวงนี้ คือ การได้สัมผัสถึงความคิดสร้างสรรค์ และเฉดสีที่สวยงาม คละคลุ้งอยู่ในบทเพลงราวกับเวทมนตร์.. นับตั้งแต่นั้นก็ชื่นชอบพวกเขามาโดยตลอด



วันนี้พวกเขาได้เดินทางมาเล่น ที่เมืองไทยเป็นครั้งที่สอง ในชื่อทัวร์ว่า Coldplay A HEAD FULL OF DREAMS TOUR พร้อมศิลปินสาวรับเชิญ JESS KENT โดยงานจัดขึ้นที่ Rajamangala National Stadium ซึ่งมีแฟนเพลงทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก



บริเวณทางเข้า จะมีป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ ให้ผู้ที่มาเยี่ยมได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในนะครับ



 บรรยากาศโดยรอบงาน Coldplay Live In Bangkok,Thailand 2017



  จุดจำหน่ายบัตร จาก Thai Ticket Major



 จุดปฐมพยาบาล เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน



 ร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม



  บูธกิจกรรมจาก BEC-TERO (ผู้จัดงาน)



 บูธขาย CD และสินค้าจาก Warner Music Thailand



บูธกิจกรรม-เล่นเกม (แจกของรางวัล) จาก Amazing Thailand



 จุดจำหน่ายสินค้า Official จาก Coldplay ให้แฟนๆได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็น T-Shirt , เสื้อฮู้ด , หมวก , กระเป๋า ,พวงกุญแจ , Poster เป็นต้น [งานนี้มีทรัพย์จางเล็กน้อย ฮ่าๆ] (คลิ๊กเพื่อชมคลิป)





จุดรับฝากของ (Deposit) หากใครที่พกสิ่งต้องห้าม เช่น กล้อง DSLR ก็ต้องนำมาฝากไว้ที่นี่ หรือถ้าใครไม่อยากแบกกระเป๋าหนักๆก็ฝากได้เช่นกัน



ห้องน้ำรวมหญิง-ชาย แบบตู้ ! คล้ายๆกับเทศกาลดนตรี หรือคอนเสิร์ตในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่นที่ผู้เขียนเคยไปมา แต่มีความแย่กว่านิดหน่อย เวลาทำธุระก็ต้องมองบนเข้าไว้นะครับ ฮ่าๆ



 ทางเข้าพื้นที่จัดแสดง ซึ่งเป็นจุดแรกที่เราจะได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่เหนือชั้น กับ Coldplay  โดยในจุดนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจบัตรคอนเสิร์ต และสัมภาระ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าชม




 บัตรพร้อมลุย! (ภาพเบลอ เนื่องจากรีบถ่าย ฮ่าๆ)



 แฟนๆทั้งชาวไทย และต่างชาติ เริ่มทยอยเข้ามาเรื่อยๆ คนมหาศาล!



 แผนผังขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้ถือบัตรได้ตรวจสอบโซน และประตูทางเข้าขนตนเอง



  นี่คือประตูทางเข้าไปในพื้นที่จัดแสดงแล้วครับ บัตรโซนของผู้เขียน คือ A1 ต้องเข้าทาง Ground 1



 ในที่สุดก็เข้ามาในบริเวณพื้นที่จัดแสดงแล้วครับ ปริมาณคนมหาศาล โดยเฉพาะบนอัฒจรรย์คนเยอะมากๆ



  เวทีสวยงาม อลังการณ์มากๆครับ



และแล้วศิลปินรับเชิญ Jess Kent ก็เริ่มบรรเลงให้แฟนๆชาวไทยได้อุ่นเครื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีทักษะที่ดีเยี่ยม! โดยเฉพาะเสียงร้อง และความเซ็กซี่ ไฮไลท์เด็ด คือ การหยิบบทเพลง Killing in the Name ของ Rage Against The Machine มาเล่นให้แฟนๆได้ฟัง  เรียกได้ว่าสนุกมากๆครับ



ในที่สุดก็ถึงเวลาแสดงของวงที่รอคอย Coldplay งานนี้ก็ขนเพลงฮิตมาเล่นให้แฟนๆชาวไทยได้มันส์กันแบบจัดเต็ม



โดยเฉพาะเพลงที่ผมชื่นชอบ อาทิ Yellow ,The Scientist , Fix You เพลงที่ทำเอาแฟนร้องตามกันลั่นสนามกีฬา "Lights will guide you home And ignite your bones And I will try to fix you Read more
"  ,Viva La Vida , เพลงที่ผมประทับใจมากๆ คือเพลง Everglow ซึ่ง Chris Martin ร้องให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา ซึ่งเป็นเพลงที่เศร้า..โดยพูดถึงเกี่ยวกับการที่เราสูญเสียใครสักคน..แล้วเขาคนๆนั้นคือคนที่มีความหมายกับเรา จนมาถึงวันที่เราต้องเดินต่อไป..โดยที่ไม่มีเขาอีกแล้ว ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นอารมณ์เศร้าได้ดี ผู้เขียนหันไปเห็นแฟนเพลงชาวไทยแอบมีน้ำตาด้วย นอกจากนี้ยังมีเพลงอื่นๆอีกเพียบ! เช่น Always in My Head , In My Place , Amazing Day , A Sky Full Stars , Don't Panic , Til Kingdom Come   หรือแม้แต่เพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Something Just Like This "เป็นเพลงที่มีการใช้ภาษาโดดเด่น เป็นการเปรียบเปรยระหว่างมนุษย์ธรรมดาที่มีความใฝ่ฝันอยากจะมีพลังเหนือธรรมชาติ เหมือนซุปเปอร์ฮีโร่" งานนี้พวกเขาเล่นกันแบบเต็มที่จริงๆ รวมๆทั้งหมดก็ประมาณ 20 กว่าเพลง มันเป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ บทเพลงของพวกเขาสามารถสะท้อนเข้าไปถึงในหัวใจของแฟนเพลงชาวไทย ตามที่ Chris Martin ได้กล่าวเอาไว้ "ถึงแม้ว่าผมจะพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่หัวของผมนั้นพูดภาษาไทยได้เหมือนๆกับคุณ" ใช่แล้วล่ะครับ ผู้เขียนเชื่อว่าดนตรีเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงผู้คนจากทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ไม่ว่าคุณจะมีเชื้อชาติ หรือการใช้ภาษาโดยการเปล่งเสียงที่ต่างกัน แต่ดนตรีจะทำลายกำแพงเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียว เรารักในเสียงดนตรีเหมือนๆกัน ดนตรีคือสันติภาพ คือภาษาแห่งจิตวิญญาณที่เชื่องโยงเราเข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ เรารักกันได้ด้วยเสียงดนตรี ...หลังจากที่ได้ดูโชว์จบมันอะไรที่สุดยอดมากๆ เหนือคำบรรยายจริงๆ แม้ว่าจะมีส่วนผสมของดนตรีป็อบ และอิเล็กทรอนิกส์(EDM) มากขึ้น แต่ผมกลับชื่นชอบในดนตรีที่มีส่วนผสมใหม่ๆเพิ่มขึ้น บทเพลงที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และเฉดสีที่สวยงาม ด้วยบรรยากาศแห่งความสุข ราวกับหลุดมาอยู่ในช่วงเวลาแห่งเวทมนตร์ที่คละคลุ้งอยู่ในทุกๆบทเพลงของพวกเขา เป็นสิ่งที่ให้ผู้เขียนชื่นชอบบทเพลงของ Coldplayนอกจากนี้ยังมีประทับใจในส่วนของ Production ที่ยอดเยี่ยม ทั้งแสง-สี-เสียง และลูกเล่นต่างๆ เช่น การยิงพลุไฟที่สวยงาม , การปล่อยแสงเลเซอร์ , motion graphic ที่ทำให้เวทีดูอลังการ และมีสีสันเพิ่มขึ้น ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ สำหรับในส่วนของโชว์ และโปรดักชั่น ผมนี่หลับเพื่อสัมผัสกับบทเพลงของพวกเขาเลยครับ สุดท้ายก็ต้องบอกว่า ขอบคุณ "Thank You for coming to Bangkok,Thailand , Hope to come back again in the future" ก็ขอให้พวกเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง ไม่ว่าจะอีก 5ปี หรือ10ปี ผมก็จะรอ..และก็เชื่อว่าหลายๆคนที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจากพวกเขา ก็คงจะคิดแบบนี้ใช่ไหมล่ะครับ.. 





แต่ก็มีการกล่าวถึงในโลกโซเชียล ว่ามีการจัดสรรพื้นที่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อันดับแรก คือ ความรู้สึกแออัด เนื่องจากปริมาณคนค่อนข้างเยอะ ไม่สมดุลกับพื้นที่ และมีการปล่อยที่นั่งเกิน ทำให้ผู้ถือบัตรบนอัฒจรรย์ไม่มีที่นั่ง หรือเมื่อไปถึงก็พบว่ามีคนนั่งแล้ว อีกทั้งบริเวณหน้างานก็ยังมีคนขายบัตรผี และสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างมาก และในช่วงขากลับบริเวณแถวนั้นหารถแท็กซี่ไม่ค่อยได้ ทำให้ประชาชนต้องเดินไกลเกือบ 3กิโลเมตร สิ่งเหล่านี้ทางผู้จัดก็ต้องปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอลาแฟนๆ JS100radio ไปก่อน เจอกันใหม่ครั้งหน้า...สวัสดีครับ ^_^

เรียบเรียงโดย : นายพัดโบก วังแก้ว

X