แอ่วแป้ ม่วนใจ๋ 'ไปลองเที่ยววัง ตีระฆังให้ดังระเบิด' @ เมืองแพร่

10 สิงหาคม 2559, 09:00น.


     เมื่อวันที่ 4-6 ส.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จ.แพร่ ร่วมกับสถานีวิทยุ จส.100 จัดกิจกรรม “ไปลองเที่ยววังตีระฆังให้ดังระเบิด” พาทีมสื่อมวลชนมุ่งหน้าไป จ.แพร่ เมืองเก่าในภาคเหนือ ซึ่งมีอายุถึง 1,188 ปี และเป็นประตูเมืองสู่ล้านนา จุดหมายปลายทางของทริปนี้จะไปตีระฆังให้ดังระเบิดกันที่อ.ลอง และ อ.วังชิ้นครับ เมืองแพร่ หลายๆคนมักเข้าใจ ว่าเป็นเพียงจังหวัดสำหรับเดินทางผ่านไปยังจังหวัดใกล้เคียงเท่านั้น แต่จริงๆแล้วมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งด้านธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชาวบ้านที่น่าศึกษาเรียนรู้มากๆ และแพร่ยังมีเรื่องราวที่น่าค้นหาอีกมากมาย อย่างสำนวนที่กล่าวว่า “แพร่แห่ระเบิด” สำนวนนี้มีที่มาได้ยังไง มาจากไหน เราจะไปหาคำตอบด้วยกันในทริปนี้ครับ ถ้าพร้อมแล้ว แนะนำว่าเปิดเพลงนี้เพิ่มอรรถรสในการอ่าน แล้วไปแอ่วเมืองแป้โต้ยกั๋นเลยจ้าว





     ทริปนี้เดินทางโดยรถตู้ออกจากกรุงเทพฯประมาณ 05.30 น. ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ก็มาถึงแพร่ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ระหว่างการเดินทางจากเมืองหลวงที่เป็นป่าปูนก็ค่อยเปลี่ยนบรรยากาศเป็นป่าไม้ ธรรมชาติ ช่วงระหว่างจังหวัดอุตรดิตถ์ไปแพร่ก็เริ่มมีภูเขาและสายหมอกให้เก็บภาพเป็นระยะๆ สำหรับที่แรกที่จะไปเช็คอินก็คือ หมู่บ้านกะเหรี่ยง ปกาเกอะญอ บ้านค้างใจ ต.แม่เกิ๋ง อ.วังชิ้นครับ พอถึงหมู่บ้านปุ๊บ ก้าวขาลงจากรถปั๊บ สายฝนก็มาต้อนรับคณะเราเลยทีเดียว

     ที่นี่มีกิจกรรมให้ชมการทอผ้า ตั้งแต่การอีดฝ้าย ปั่นฝ้าย และทอผ้าแบบดั้งเดิมของชนเผ่า และมีการแสดงดนตรีพื้นเมือง ขับกล่อมระหว่างการสาธิตด้วยครับ โดยเสื้อของชนเผ่า ผู้ชายจะใส่สีแดงขาว ผู้หญิงที่ยังโสดจะใส่สีขาวแสดงถึงความบริสุทธิ์ ส่วนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะใส่เสื้อสีเข้มที่ปักลายด้วยลูกเดือยครับ





คุณครูกัลยา วิทยากรท้องถิ่นและพี่ๆน้องๆในหมู่บ้านมาต้อนรับคณะเราท่ามกลางสายฝน



สาธิตการปั่นด้าย



สาธิตการปักลูกเดือยบนผ้า เอกลักษณ์ของเสื้อชาว ปกาเกอะญอ



น้องๆกำลังสาธิตการทำตุ๊กตา เป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่งให้กับชุมชนครับ



รับฟัง การบรรเลง สะล้อ ซอ ซึง เครื่องดนตรีพื้นเมืองครับ





เสื้อของผู้หญิงชาวปากเกอะญอ



     คุณยายท่านนี้เป็นชาวกระเหรี่ยงหูยาน ที่หูยานเพราะว่าใส่ตุ้มหูงาช้างวงใหญ่ไว้ที่หูนั่นเอง แต่ปัจจุบันใส่งาอันเดิมไม่ได้แล้ว เนื่องจากรูที่ใส่งาช้างนั้นกว้างขึ้น เลยใส่โฟมแทนครับ ตามแพลนเดิม เราจะ เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวปกาเกอะญอในหมู่บ้าน แต่ฝนดันตก ทำให้ไม่สะดวกในการสัญจรในหมู่บ้าน เลยต้องงดกิจกรรมนี้ไปครับ







ตุ้มหูงาช้าง



     จากนั้นเราไปที่บ่อน้ำร้อนแม่จอกติดอยู่กับอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเยือนของจังหวัดแพร่ ที่นี่เราจะไปกินไข่ต้มจากบ่อน้ำร้อนกัน ก่อนอื่นต้องซื้อไข่ 5555 จากนั้นเราต้องผูกไข่ไว้ที่อยู่ในตะกร้าแล้วพาเจ้าตะกร้าไข่กระโดดน้ำสูง แช่น้ำไว้ตามระยะเวลา วันนี้เราจะต้มไข่ไก่กัน ถ้าต้องการให้เป็นไข่ลวก ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ไข่ต้มยางมะตูม 5 นาที ไข่ต้มสุก 7 นาที แต่ถ้าเป็นไข่เป็ด เปลือกหนากว่า ต้องใช้เวลานานกว่าครับ







ผูกตะกร้าไข่ไว้ให้แน่น



เสร็จแล้วก็พาตะกร้าไข่กระโดดสูงลงบ่อน้ำร้อนเลย



ผ่านไปประมาณ 3 นาที ลองเอามาตอกๆดูก่อน ยังเป็นไข่พึ่งลวกอยุ่เลยครับ ฮ่าๆๆ 



     หลังจากกินไข่กันไปหลายฟอง บางท่านกินถึง 10 ฟองเลยทีเดียว ผู้ร่วมทริปของเราก็เอาเท้าไปแช่น้ำร้อนให้ผ่อนคลายกัน แต่วันที่เราไปฝนตกไม่สะดวกที่จะนั่งแช่เท้าริมทาง เลยขอไปแช่เท้าในห้อง ซึ่งนอกจากจะแช่เท้าแล้วเนี่ย สามารถแช่ออนเซน เอ้ย! แช่น้ำร้อนกันทั้งตัวได้ด้วย โดยมีห้องแยกชาย-หญิง ซึ่งด้านในจะแบ่งเป็นห้องเดี่ยวกับห้องรวมด้วยครับ  





สาวๆมองกล้องหน่อยครับ



บ่อแช่น้ำร้อนห้องเดี่ยว



บ่อแช่น้ำร้อนห้องรวม



     เย็นนี้เราจะไปพักผ่อน สัมผัสธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ช่วงหน้าฝนหรือเรียกแบบอินเทรนด์ว่า Green Season ต้นไม้ทั้งอุทยานผลิใบเขียวชอุ่ม ดูแล้วสบายตามากๆ คืนนี้เราจะนอนพักที่นี่กันครับ ผมเองนอนที่บ้านแม่เกิ๋งหลวง ยามค่ำคืนจะได้ยินเสียงน้ำตกคลอเบาๆตลอดคืน อากาศกลางคืนเย็นมาก แค่เปิดพัดลมตัวเดียวก็หนาวแล้วครับ ส่วนใครที่สนใจจะพักที่นี่ มีทั้งหมด 4 บ้านด้วยกัน ได้แก่ บ้านแม่เกิ๋งหลวง บ้านแม่เกิ๋งน้อย บ้านแม่จอก บ้านขุนห้วย ติดต่อที่พักอุทยานโทร. 054-501145





หมอกฝนลงเยอะมากครับ




     เช้าวันที่สองก่อนออกเดินทางสาวๆผู้ร่วมทริปก็แข่งกันโพสต์ท่า เก็บความความสวยงามในอุทยานกันใหญ่เลย





     จากนั้นเราก็เดินทางไปที่ อ.ลอง ไปไหว้พระขอพรที่วัดสะแล่ง โดยมีเรื่องเล่าว่า สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเสด็จผ่าน ชาวเมืองได้นำดอกสะแล่งถวายพระพุทธองค์ ซึ่ง “ดอกสะแล่ง” เป็นดอกไม้ป่า สีขาวนวล วัดนี้จึงตั้งชื่อตามดอกไม้ที่ถวาย

     วัดสะแล่งเป็นวัดเก่าแก่ สร้างในสมัยพระนางจามเทวี สถาปัตยกรรมของวัดสะแล่งเป็นศิลปะแบบล้านนา ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีโบราณวัตถุเป็นพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ตั้งแต่สมัยอาณาจักรทวารวดี จนถึงอยุธยาตอนปลาย เหมาะสำหรับให้ผู้ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับโบราณวัตถุได้มาศึกษาครับ





















     ที่ต่อไป ไปชมเรื่องราวของผ้าเมืองลอง พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ แหล่งรวบรวมเรื่องราวของผ้าท้องถิ่นเมืองลอง ที่มีการถักทอแบบดั้งเดิมที่สวยงาม และยังมีกสนผสมผสานแนวคิดให้เกิดลายทักทอใหม่ๆบนผ้า ซึ่งผ้าที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นี้เคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์และละครที่ทุกคนรู้จัก อย่างเช่น ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ สุริโยทัย และละครรอยไหม นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงศิลปะของท้องถิ่นอื่นๆที่คล้ายกับของเมืองลอง และมีห้องเรียนรู้สำหรับเด็กๆแบบไม่น่าเบื่ออีกด้วยครับ

















     จากนั้นวิทยากรท้องถิ่นพาเราไปที่ วัดพระธาตุศรีดอนคำหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดห้วยอ้อ ที่วัดนี้ มีระฆังที่ทำจากลูกระเบิดของแท้ของจริงที่เคยผ่านสงครามมาก่อน เจ้าระฆังนี้นี่เองที่เป็นที่มาของสำนวนที่กล่าวว่า  “แพร่แห่ระเบิด” โดยวิทยากรท้องถิ่นเล่าให้ฟังว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านเมืองเจอลูกระเบิดเป็นระลอกๆ ปรากฏว่าชาวบ้านเจอลูกระเบิดด้าน จึงแจ้งไปถึงเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ พอเห็นว่าไม่ระเบิดก็เลยชวนคนงานพากันไปกู้ระเบิด ถอดชนวน เลื่อยระเบิดและควักดินปืนออกไปทำระเบิดหาปลา พอดินระเบิดหมดก็เอาเหล็กหุ้มระเบิดไปไว้ที่บ้านอยู่พักใหญ่ๆ ใช้เก็บของบ้าง รองน้ำบ้าง วันหนึ่งพระรูปหนึ่งมาบิณฑบาตที่บ้านและได้ลองเคาะเหล็กหุ้มระเบิด ปรากฏว่าให้เสียงดังกังวานมากจึงขอบิณฑบาตไปทำเป็นระฆังที่วัด จากนั้นชาวบ้านจึงนำเหล็กหุ้มระเบิดใส่เกวียนไปวัด ชาวบ้านเห็นก็พากันออกมาเดินตามเกวียน บางคนก็เอาฉิ่ง ฉาบ ฆ้อง กลองมาร่วมวงด้วยเลยกลายเป็นขบวนแห่กันเอิกเกริก เลยเป็นที่มาของ “แพร่แห่ระเบิด” นอกจากระฆังระเบิดที่วัดศรีดอนคำยังมีอีกสองลูกอยู่ที่วัดแม่ลานเหนือและวัดนาตุ้ม

     ได้เห็นระฆังที่มีตำนานแล้วก็ต้องลองตีครับ เสียงดังระเบิดสมคำร่ำลือจริงๆครับ ถ้าใครได้มาวัดนี้ต้องมาลองตีนะครับ จะได้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนเสียงระเบิดไปเลย





ระฆังที่ทำจากระเบิดของแท้แน่นอนครับ







พระเจ้าพร้าโต้ หรือ พระเจ้าทันใจ วัดศรีดอนคำ





     ใกล้ๆกัน ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าพร้าโต้ หรือ พระเจ้าทันใจ ที่แกะสลักจากไม้สักทองทั้งองค์ โดยใช้มีดพร้า หรือมีดอีโต้ที่เรารู้จัก โดยใช้เวลาสร้างเพียง 1 วันเท่านั้น โดยองค์พระจะมีลักษณะแปลกตา เพราะจะเป็นศิลปะของชาวลั๊วะและชาวลื๊อนั่นเองครับ

     ออกจากวัดศรีดอนคำ เดินทางไปต่อที่แก่งหลวง ใช้เวลาประมาณ 45 นาที กิจกรรมที่นี่ คนในพื้นที่จะมานั่งกินข้าวแบบปิคนิคริมน้ำ กิจกรรมอื่นๆก็จะเป็นการล่องแก่งหลวง พายคยัค ปัจจุบันเป็นช่วงหน้าฝนจึงไม่สะดวกกับการทำกิจกรรม แต่เดิมยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ อย่างการกระโดดหอ โรยตัวลงน้ำ แต่อุปกรณ์อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงครับ







     แต่ใช่ว่าช่วงหน้าฝนจะไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำเลย อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ ชมถ้ำเอราวัณนั่นเองโดยเราจะต้องเดินขึ้นไปบนเขา สูงพอสมควร และระหว่างทางบางช่วงก็ลื่นน้ำฝน กว่าจะถึงถ้ำเนี่ย เล่นเอาหอบอยู่เหมือนกันครับ พอเข้ามาในถ้ำบรรยากาศค่อนข้างโปร่ง เนื่องจากเป็นถ้ำใหญ่กว้างขวาง ภายในมีหินงอกหินย้อยงดงาม ก่อนจะเข้าไปในถ้ำต้องเช่าไฟฉายในราคาเพียง 10 บาท เพื่อส่องดูหินงอกหินย้อย ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่อุทยานฯการันตีว่าถ้าไม่สวยยืนดีคืนเงิน!









รากไม้ที่ชอนไชลงมาตามหินย้อย เป็นอีกภาพที่สวยงามครับ



     ค่ำคืนนี้ ทริปของเราได้รับเกียรติจากคุณสุธน วิชัยรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ มารับประทานอาหารค่ำร่วมกัน ชมการแสดงจากเด็กๆในพื้นเมือง และ รับมอบของที่ระลึกเป็น กิ๊ฟเซ็ทหม้อห้อม ของดีประจำเมืองแพร่ด้วยครับ





น้องๆกำลังแนะนำการแสดง ด้วย 3 ภาษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาชนเผ่าครับ







การแสดงกระเหรี่ยงกระทบไม้



ผู้ร่วมทริปของเราก็เข้าไปร่วมสนุกครับ ฮ่าๆ







     วันสุดท้ายของทริป ถ้ามาถึงแพร่แต่ไม่ได้ไปสักการะพระธาตุช่อแฮ ก็เหมือนมาไม่ถึงแพร่ พระธาตุช่อแฮ เป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแพร่ และ เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีขาล ปีนี้ถ้าใครเกิดปีขาลมีความเชื่อว่าเป็นปีชง จะต้องมาสักการะพระธาตุช่อแฮเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตของคนเกิดปีขาลครับ

















     จากนั้นเดินทางออกจากตัวเมืองแพร่มุ่งหน้าไป อ.เด่นชัย เพื่อร่วมกิจกรรมเที่ยวแพร่ปลูกป่าตามหาสายรุ้ง โดยคุณเฉลิมวุฒิ รักขติวงศ์ นายอำเภอเด่นชัย ได้นำเยาวชนจาก กรุงเทพมหานคร จำนวน 100 คน และเยาวชนจากจังหวัดแพร่อีก 50 คน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันปลูกป่าจำนวน 299 ต้น ณ บริเวณสวนป่าแม่พวก ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย นอกจากนี้ยังมี กิจกรรม Walk Rally แนะนำแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมเล่าขานตำนานเมืองแพร่ และศึกษาเรียนรู้ผ้าพื้นเมืองจังหวัดแพร่ซึ่งที่นี่นอกจอกจะมีต้นสักขนาดใหญ่ที่เกิดจากการปลูกแล้ว ยังมีทุ่งดอกกระเจียวสีแดงที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ให้ถ่ายรูปกันอีกด้วยครับ



















     และสถานที่สุดท้ายของทริปนี้ จะไปชมความยิ่งใหญ่อลังการ และความสวยงามของสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ที่วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี จุดเด่นของวัดนี้คือพระนอนองค์ใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าวัด และสิงห์ทองอีกหนึ่งคู่ที่อยู่ที่บันไดทางขึ้นวัด ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมบนฝาผนังระเบียงคตเป็นเรื่องราวของชาดกพื้นบ้านและภาพพุทธประวัติ ในบริเวณวัดมีเจดีย์ทรงล้านนากว่า 30 องค์ มีอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สักทรงล้านนา ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวของล้านนา และมีสถูปของเจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่อยู่ที่นี่ด้วยครับ

















     ทริป “ไปลองเที่ยววังตีระฆังให้ดังระเบิด” ทำให้เห็นว่าเมืองแพร่ เมืองเล็กๆที่ไม่ธรรมดา มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มายาวนาน โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีวิถีชีวิตของคนเมือง(เหนือ) เพียบพร้อมไปด้วยวัฒนธรรมอันน่าหลงใหล ผู้คนเมืองแพร่ก็น่ารักสมกับคำขวัญที่ว่า "หม้อห้อม ไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮ ศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้น้ำใจงาม" วันแม่ปีนี้ถ้าจะวางแพลนพาคุณแม่เที่ยว ให้เมืองแพร่เป็นอีก 1 จังหวัดเช็คอินในแพลนการท่องเที่ยวของคุณนะครับ 



สามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของสถานีวิทยุ จส.100 ได้ทาง

        

สามารถดาวน์โหลด JS100 Application ได้ทั้งระบบ IOS และ Andriod ฟรี!!



     

X