กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้ปล่อยแถวกำลังพลเปิดปฏิบัติการ Black Mirror TKP ตรวจค้นและทลายเครือข่ายค้ายาเสพติด 22 เป้าหมาย 7 หมายจับ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.ลพบุรี และ จ.ตรัง โดยได้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี รวมจำนวนกว่า 120 นาย ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดชุดใหญ่ ส่งท้ายปีเก่า 2568 ต้อนรับปีใหม่ 2569 โดยมี พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เป็นประธานให้โอวาทและปล่อยแถวกำลังพล
โดย 1 ในจุดที่เข้าค้น คือบริเวณบ้านหรูหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน ซึ่งจุดดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 2 ราย เป็นสามีชาวไทยและภรรยาชาวลาว พร้อมของกลางเป็นรถยนต์หรู 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท อาวุธปืนสั้น 11 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง อาวุธปืนยาว 5 กระบอก และตุ๊กตาหรู 3 ตัว
พล.ต.อ. สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นการขยายผลมาจาก การจับกุมเครือข่ายยาเสพติดชาวลาวเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งผู้ต้องหา 2 คนในจุดนี้ให้การรับว่า เป็นกรรมการผู้ถือหุ้นบริษัทจริง แต่ยังชี้แจงที่มาของรายได้บริษัทไม่ได้ แต่ตำรวจพบข้อมูลว่าบริษัทดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 20,000 ล้านบาทรวมทั้งสิ้น 50 บัญชีโดยหลังจากนี้จะมีการประสานเจ้าหน้าที่ ปปง. มาตรวจสอบเส้นทางการเงิน
นอกจากนี้ หนึ่งในเส้นทางการเงินสำคัญที่ตรวจพบได้คือการโอนเงินรายเดือนไปให้กับว่าที่ผู้สมัคร สส. พรรคการเมืองชื่อดังในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจสามารถคุมตัวได้แล้ว และเป็นการจับตามหมายจับได้ที่ย่านบางพลัด
นอกจากนั้น ยังพบว่า ขบวนการดังกล่าวได้เปิดบริษัทเครือ TKP ซึ่งจดทะเบียนเป็นบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจขนส่ง จำนวน 4 บริษัท แต่ละบริษัทมีกรรมการจดทะเบียนในลักษณะของไขว้กัน ซึ่งแทบไม่ได้ทำกิจกรรมธุรกิจตามที่ได้จดทะเบียนเอาไว้เลย
ทั้ง 4 บริษัทมีเงินสะพัดหมุนเวียนกว่า 2 หมื่นล้านบาทใน 50 บัญชีบริษัท บางบัญชีมีเงินหมุนเวียนสูงสุดถึง 20 ล้านบาท โดยเงินที่หมุนเวียนนั้น พบว่าเป็นเงินที่เชื่อมโยงมาจากขบวนการค้ายาเสพติดและนำมาฟอกเงินอีกท
จึงเป็นเหตุทำให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดดำเนินการสืบสวนสอบสวนและเปิดปฏิบัติการทลายขบวนการยาเสพติดเครือข่ายดังกล่าว 22 จุดใน 5 จังหวัด โดยมีผู้ต้องหาจำนวน 7 หมายจับในข้อหาเกี่ยวกับฟอกเงินและยาเสพติด
ซึ่งในจุดบ้านพักย่านแขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชันนี้ พบว่าผู้ต้องหาสามีภรรยาคู่นี้เป็นกรรมการบริษัท ให้การยอมรับว่ารับจดทะเบียนเปิดบริษัท แต่ไม่สามารถให้การเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทได้ เพราะไม่ได้ดำเนินธุรกิจเลย
ขณะเดียวกันยังพบว่า หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตในย่านฝั่งธนบุรี เขต 33 เขตบางพลัดและบางกอกน้อย ยกเว้นแขวงศิริราช สังกัดพรรคการเมืองชื่อดังพรรคหนึ่ง
ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเชิงลึกจนพบว่า มีพยานหลักฐานทั้งเรื่องของเส้นทางการเงินที่รับเงินจากเครือข่ายดังกล่าวเป็นรายเดือนและผู้ต้องหาสามีภรรยายอมรับว่า ให้เงินกับนักการเมืองรายนี้
จึงนำมาสู่การเสนอหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ โดยตอนนี้ทางตำรวจปราบปรามยาเสพติดสามารถจับกุมผู้สมัคร สส. รายดังกล่าวได้แล้วและกำลังนำตัวเข้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
เบื้องต้นมีรายงานจากพรรคประชาชนว่า นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน จะแถลงข่าวด่วน พรรคประชาชน จ่อแถลงเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส.กทม.
กรณีเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส. กรุงเทพฯ โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟซบุ๊กของพรรคประชาชน ขณะที่มีรายงานว่ามีการรวบตัวผู้สมัคร สส. เขตบางพลัด พรรคประชาชน ด้วยนั้น สำหรับ ผู้สมัคร สส. คือ บุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ เบอร์11 พรรคประชาชน

#ผู้สมัครสส.
#พรรคประชาชน
#ทลายขบวนการยาเสพติด
ข่าวทั้งหมด