การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่ไม่มีมติ ปัญหาขัดแย้งไทย-กัมพูลา แม้กัมพูชาจะเสนอหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ฝ่ายไทยประเมินว่าต้องพิจารณาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ทั้งด้านกำลัง การคุมพื้นที่ และกลไกตรวจสอบ รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วิเคราะห์ว่า การไม่เร่งหยุดยิงทันทีคือการ “ซื้อเวลา” อย่างมีเป้าหมาย ช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้นเปิดโอกาสให้ไทยจัดระเบียบกำลังและคณะทำงาน พร้อมตอกย้ำการควบคุมพื้นที่ที่รุกคืบได้แล้วให้มั่นคง
สาระสำคัญอยู่ที่แนวคิด “สถาปนาพื้นที่” เมื่อฝ่ายหนึ่งสามารถยืนพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง การหยุดยิงในเวลาต่อมามักหมายถึงการ “แช่แข็ง” สถานการณ์ ณ จุดที่แต่ละฝ่ายครองอยู่ ผลคือผู้ที่คุมพื้นที่ได้มากย่อมได้เปรียบเชิงโครงสร้าง
ในมุมกลับ กัมพูชาก็พยายามเติมกำลังเพื่อเปลี่ยนดุลก่อนถึงเส้นตายการเจรจา ภาพรวมจึงไม่ใช่เพียงการปะทะภาคสนาม แต่เป็นการแข่งขันจัดวางหมากบนกระดานเวลา ซึ่งการเมือง การทหาร และการทูตถูกผสานเป็นเครื่องมือเดียวกัน
บทบาทของสหรัฐอเมริกาและจีนชี้ชัดว่าทั้งสองไม่ต้องการให้ความขัดแย้งบานปลายเป็นสงครามตัวแทน สหรัฐฯ ส่งสัญญาณกดดันกัมพูชาในประเด็นทุ่นระเบิดและอาชญากรรมข้ามชาติ ขณะที่จีนเลือกทำงานหลังฉากโดยไม่เร่งบังคับให้ไทยหยุดยิงทันที
อีกมิติที่เด่นชัดคือภัยคุกคามรูปแบบใหม่ สงครามมีลักษณะอสมมาตร ตั้งแต่การใช้โดรนในพื้นที่ปะทะ ไปจนถึงการพัวพันของขบวนการสแกมเมอร์ใน “พื้นที่สีเหลือง” ชายแดน ซึ่งทำหน้าที่ทั้งฐานสนับสนุนและเครื่องมือปั่นป่วนข้อมูลข่าวสาร
กรณีโดรนป่วนพื้นที่สำคัญ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ แม้ยังไม่ยืนยันว่าเป็นปฏิบัติการทางทหารโดยตรง แต่สะท้อนการยกระดับสงครามจิตวิทยาและข่าวลวง เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลและความเชื่อมั่นของสังคม
ข่าวทั้งหมด