นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ร่วมประชุมซัมมิตประจำปีครั้งที่ 23 กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียใน กรุงนิวเดลีในวันนี้(5 พ.ย.) เป็นวันที่สองและวันสุดท้ายของการเยือนอินเดีย อีกทั้งเป็นการเยือนอินเดียครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2565 นายโมดีบอกกับผู้นำรัสเซีย เรื่องจุดยืนของอินเดียต่อเรื่องสงครามในยูเครนว่า อินเดียจะไม่เป็นกลาง แต่จะขอยืนอยู่เคียงข้างสันติภาพ ซึ่งเป็นจุดยืนเดียวกับที่เคยสื่อสารกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯเมื่อต้นปีนี้(2568) นอกจากนี้ นายโมดียกย่องนายปูตินว่า เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ย้ำว่านี้คือ ยุคแห่งสันติภาพ
นายโมดี แสดงความมั่นใจว่า ความพยายามของผู้นำโลกในระยะหลังๆนี้จะนำโลกกลับมาสู่สันติภาพและเสถียรภาพในอนาคต นอกจากนี้ นายโมดีขอให้ทุกฝ่ายใช้การเจรจาทางการทูตเพื่อยุติสงครามในยูเครน ยืนยันว่า อินเดียจะสนับสนุนทุกความพยายามเพื่อสันติภาพอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคี นายโมดี กล่าวว่า ผู้นำทั้งสองได้หารือในหลายเรื่องในด้านเศรษฐกิจ เช่น โครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระยะยาวจนถึงปี 2030 ย้ำว่า การเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างอินเดียกับรัสเซียเป็นเรื่องสำคัญมาก
โดยเฉพาะความมั่นคงทางพลังงาน เป็นรากฐานความสัมพันธ์มายาวนาน ตลอดถึงความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ พลังงานสะอาดและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของประชาชนจากทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ อินเดียจะเปิดสถานกงสุลใหม่อีก 2 แห่งในรัสเซียและเร็วๆนี้ อินเดียจะออกวีซาใหม่ระยะ30 วันสำหรับนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย
ด้านประธานาธิบดีปูติน ขอบคุณอินเดียที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสถานการณ์สงครามในยูเครน ยืนยันว่ารัสเซียกำลังทำงานกับสหรัฐฯและพันธมิตรอื่นๆในการหาทางออกจากสถานการณ์การสู้รบในยูเครนอย่างสันติ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องความร่วมมือด้านกลาโหม พลังงาน การค้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า การประชุมครั้งนี้มีขึ้นหลังสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเพิ่มอีกร้อยละ 25 รวมเป็นร้อยละ 50 หลังกดดันอินเดียให้หยุดนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งสหรัฐฯคาดว่ามาตรการนี้จะส่งผลให้รัสเซียยอมรับเงื่อนไขการหยุดยิงและเริ่มต้นการเจรจาสันติภาพกับยูเครนอย่างจริงจัง
#อินเดียรัสเซีย
#สงครามยูเครน
ที่มา: เพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดีย, บีบีซี
ข่าวทั้งหมด