ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ ผลักดันสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับใหม่

15 พฤศจิกายน 2568, 18:18น.


          สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญมองการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของ "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" ระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย.68 จะมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย และผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับใหม่ เนื่องจากการเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้สร้างหมุดหมาย "อันดับแรกสองประการ" ได้แก่ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนนับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และจีนเป็นประเทศใหญ่แห่งแรกที่พระองค์เลือกเสด็จพระราชดำเนินเยือน


          พานเยี่ยนเสียน นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยไทย วิทยาลัยอาเซียนศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซีในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน กล่าวว่าการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐถือเป็น "ช่องโหว่" ในความสัมพันธ์จีน-ไทยที่ผ่านมา ซึ่งการที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเลือกเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน ณ ห้วงเวลาทองของวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย ได้แสดงให้เห็นว่าฝ่ายไทยให้ความสำคัญอย่างมากกับความสัมพันธ์จีน-ไทย และการยกระดับการจัดวางยุทธศาสตร์ของประเทศ


          สวี่ลี่ผิง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สังกัดสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์แห่งชาติจีน เชื่อว่าการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ของพระมหากษัตริย์ไทยสะท้อนว่าความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างจีนกับไทยอยู่ในระดับสูงมาก รวมถึงตอกย้ำนัยสำคัญของ "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" และลักษณะสำคัญแสนพิเศษของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคตภายใต้การชี้นำจากการทูตประมุขแห่งรัฐจะพัฒนายิ่งขึ้นทั้งเชิงกว้างและเชิงลึก ก้าวจาก "50 ปีทอง" สู่ "50 ปีเพชร" ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น



          อนึ่ง ไทยเป็นคู่ค้ารายสำคัญของจีนในบรรดาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกัน 12 ปี โดยข้อมูลสถิติทางศุลกากรระบุว่ามูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างจีนกับไทยในปี 2024 สูงถึง 1.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.31 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะเดียวกันไทยเป็นคู่ค้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดและผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของจีนในอาเซียน


          มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างจีนกับไทยในช่วงสามไตรมาสแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2025 สูงถึง 1.14 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.69 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบปีต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยจ้าวเซินหง ผู้ช่วยวิจัยประจำสถาบันยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศศึกษา สังกัดโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์ส่วนกลาง กล่าวว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับไทยมีรูปแบบที่สอดประสานกันอย่างลึกซึ้งและกำลังยกระดับจากการค้าแบบดั้งเดิมสู่ความร่วมมือที่มีคุณภาพสูง


          ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสถาบันวิจัยด้านต่างๆ ของจีน ทั้งหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ การบินอวกาศ และเทคโนโลยีทางการศึกษา ซึ่งบ่งชี้ว่านวัตกรรมเทคโนโลยีมีโอกาสเป็นตัวขับเคลื่อนใหม่ของความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดย รศ.ดร. อักษรศรี พานิชสาส์น จากคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่ารัฐบาลไทยควรสานต่อสิ่งที่พระองค์ทรงริเริ่มระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในอนาคต



          ขณะเดียวกันการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับไทยมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งกำลังเขียนบทใหม่ของ "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2024 ข้อตกลงฟรีวีซ่าระหว่างจีนกับไทยสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดามีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ นำสู่การแลกเปลี่ยนทางการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศที่คึกคักเฟื่องฟู


          ข้อมูลสถิติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งประเทศจีนระบุว่าวันแรกของนโยบายฟรีวีซ่าข้างต้น มีพลเมืองจีนเดินทางสู่ไทย 18,258 คน และพลเมืองไทยเดินทางสู่แผ่นดินใหญ่ของจีน 3,837 คน ด้านข้อมูลจากหน่วยงานการท่องเที่ยวของไทยระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเยือนไทยในปี 2024 สูงถึง 6.73 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 91.7 เมื่อเทียบปีต่อปี


          สวี่ลี่ผิงกล่าวว่าการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของพระมหากษัตริย์ไทยจะเพิ่มพูนพลังสู่การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศอย่างมิต้องสงสัย เพิ่มพูนการรู้จักและเข้าใจจีนของประชาชนชาวไทย เชื่อมโยงประชาชนของสองประเทศให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจะยกระดับการรู้จักและเข้าใจไทยของประชาชนชาวจีน กระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเยือนไทยเพิ่มขึ้น และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วย


          ไทยนั้นเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนรายสำคัญและมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองในอาเซียน โดยการลงนามพิธีสารยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน 3.0 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ต.ค. มีเนื้อหาครอบคลุม 9 ด้าน รวมถึงเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว การเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทาน การกำกับดูแลมาตรฐานและเทคนิค และกระบวนการประเมินความสอดคล้อง ซึ่งจะขยับขยายพื้นที่ความร่วมมือใหม่ๆ ระหว่างสองประเทศในอนาคต



          พานเยี่ยนเสียนกล่าวว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 15 ของจีนเน้นย้ำการขยายการเปิดกว้างระดับสูงสู่โลกภายนอกและสร้างสถานการณ์ใหม่เพื่อความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ โดยมาตรการเปิดกว้างระดับสูงของจีนจะสร้างโอกาสเชิงโครงสร้างแก่ความร่วมมือระหว่างจีนกับไทย รวมถึงจีนกับอาเซียน


          การยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน 3.0 และการดำเนินการตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะส่งเสริมการประสานงานเชิงองค์กรระหว่างจีนกับไทยในด้านต่างๆ เช่น กฎเกณฑ์เศรษฐกิจดิจิทัล (เช่นการหมุนเวียนข้อมูลข้ามพรมแดน) ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน (เช่นการเชื่อมต่อทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย) ซึ่งจะช่วยให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางดิจิทัลของอาเซียน


          พานเยี่ยนเสียนกล่าวว่าการบรรจบกันของดอกผลจากการเปิดกว้างของจีนและความต้องการยกระดับอุตสาหกรรมของไทยจะขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีจากการค้าแบบดั้งเดิมสู่การร่วมสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมในระดับสูงขึ้น ร่วมกำหนดกฎเกณฑ์ และแบ่งปันผลประโยชน์แก่ประชาชน


          ซ่งชิงรุ่น นักวิจัยประจำศูนย์วิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สังกัดมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง กล่าวว่าการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของพระมหากษัตริย์ไทยจะเสริมสร้างสายสัมพันธ์ทางความรู้สึกและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ทำให้ "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์จีน-ไทยลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่งเสริมความสัมพันธ์จีน-ไทยจากการเป็นมิตรประเทศเพื่อนบ้านที่ดีสู่ระดับลึกซึ้งยิ่งขึ้น และการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันก้าวหน้ามากกว่าเดิม


...


#เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน


#สำนักข่าวซินหัว





 

ข่าวทั้งหมด

X