ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงโพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียล โจมตีนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารสหรัฐฯ หรือเฟดอีกครั้ง หลังจากที่เรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว
ประธานาธิบดีทรัมป์มองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้น เมื่อต้นทุนการชำระหนี้ลดลงสำหรับรัฐบาลกลางและผู้ซื้อบ้าน ทั้งเห็นว่าไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ แม้ว่าเฟดจะระบุว่าอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.6 ต่อปี สูงกว่าเป้าหมายที่ร้อยละ 2 ของเฟดเล็กน้อยเฟดเป็นหน่วยงานอิสระที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาเสถียรภาพราคาและเพิ่มการจ้างงาน ทั้งเจ้าหน้าที่เฟดและนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากมีความเห็นว่า เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหมายถึงการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับค่อนข้างสูง เพื่อป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอยและภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ซึ่งนายพาวเวลล์ยังคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับสินเชื่อข้ามคืนไว้เท่าเดิมในปีนี้ และจำเป็นต้องประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรมหาศาลของทรัมป์มีต่อเงินเฟ้อ
โพสต์ของประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงแรงงาน รายงาน ตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาในโพสต์บนทรูธ โซเชียล ประธานาธิบดีทรัมป์ เรียกนายพาวเวลล์ ว่า "นายสายเกินไป" (Too Late) โดยระบุว่า "น้อยเกินไป และช้าเกินไป! เจอโรม 'นายสายเกินไป' พาวเวล คือหายนะ จงลดดอกเบี้ยซะ! แต่ข่าวดีก็คือ ภาษีศุลกากรกำลังนำเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่สหรัฐอเมริกา!" และว่า "เจอโรม 'นายสายเกินไป' พาวเวล เป็นคนโง่ดื้อรั้น จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมาก เดี๋ยวนี้ ถ้าเขายังคงปฏิเสธ คณะกรรมการเฟดควรเข้าควบคุมอำนาจ และทำในสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าจำเป็นต้องทำ!"
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม (2568) ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 106,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับร้อยละ 4.2 สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับร้อยละ 4.1 ในเดือนมิถุนายน
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิถุนายน เป็นเพิ่มขึ้นเพียง 14,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 147,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมเป็นเพิ่มขึ้นเพียง 19,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 125,000 ตำแหน่ง
ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 83,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ภาครัฐมีการจ้างงานลดลง 10,000 ตำแหน่งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบรายเดือน โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงเป็นหนึ่งในข้อมูลที่เฟดใช้ประกอบการพิจารณาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับร้อยละ 62.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565
...
#โดนัลด์ทรัมป์
#ธนาคารกลางสหรัฐ