นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 47 ได้แถลงชี้แจงต่อที่ประชุม หลังจากที่นางเภือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวถ้อยแถลงโดยหยิบยกประเด็นวัดภูม่านฟ้าในประเทศไทย ว่าเป็นการลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด อย่างไร้จริยธรรม
เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างการประชุมวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการประชุม โดยในช่วงบ่ายมีการพิจารณารายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยเฉพาะแหล่งมรดกโลกปราสาทนครวัด นางเภือง ระบุว่า การก่อสร้างวัดภูม่านฟ้า ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการลอกเลียนแบบนครวัด อย่างไร้จริยธรรม อันเป็นการทำลายคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่งมรดกโลก และเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่อันตรายต่อแหล่งมรดกโลก จึงเรียกร้องให้ยูเนสโก และองค์การที่ปรึกษา ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวของไทย
นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อที่ประชุมว่า ในเบื้องต้นไม่ประสงค์ที่จะโต้ตอบ แต่เมื่อฝ่ายกัมพูชาหยิบยกประเด็นเรื่องวัดภูม่านฟ้า ก็จำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจ โดยยืนยันว่า ราชอาณาจักรไทยเชื่อมั่นว่ามรดกทางวัฒนธรรมควรเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน มิใช่นำมาซึ่งความแบ่งแยก และฝ่ายไทยรู้สึกประหลาดใจและผิดหวังต่อคำกล่าวของหัวหน้าคณะผู้แทนกัมพูชา ว่าการก่อสร้างวัดภูม่านฟ้า เป็นการลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด
ทั้งนี้ ไทยเห็นว่าเวทีมรดกโลกไม่ใช่เวทีที่เหมาะสมในการหยิบยกประเด็นดังกล่าว และยังมองว่ามีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง โดยชี้แจงว่าวัดภูม่านฟ้า เป็นวัดในพุทธศาสนาที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากศิลปะและสถาปัตยกรรมจากแหล่งโบราณสถานต่างๆ ในประเทศไทย ดังนั้น จึงไม่ใช่การลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด
อย่างไรก็ตาม ไทยพร้อมที่จะปรึกษาหารือร่วมกับกัมพูชาในประเด็นดังกล่าว รวมถึงประเด็นอื่นๆ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะเมื่อผู้นำของไทยและกัมพูชาได้ตกลงที่จะจัดคณะทำงานร่วมในประเด็นนี้
คณะผู้แทนไทยยังทราบว่า คณะผู้แทนกัมพูชามีความพยายามในการ lobby คณะผู้แทนหลายประเทศในประเด็นนี้ รวมถึงมีความพยายามอย่างสูงที่จะผลักดันประเด็นนี้กับยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนแต่อย่างใด โดยฝ่ายต่างๆ เห็นว่า เป็นประเด็นที่ควรมีการหารือในระดับทวิภาคี มากกว่าที่จะมาหยิบยกในเวทีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก
ฝ่ายไทยยังพบว่า หลังจากที่หัวหน้าคณะกัมพูชากล่าวถ้อยแถลง ฝ่ายกัมพูชาได้มีการลงข่าวใน Facebook โดยทันที
นายพีระวัฒน์ จันทสิทธิ์ ไวยาวัจกร วัดภูม่านฟ้า ได้ออกมาระบุว่า ก่อนหน้านี้ประเทศกัมพูชา ได้เคยทักท้วงมาแล้วแต่จากการศึกษาข้อมูลการสร้างวัดภูม่านฟ้าแล้ว ไม่ได้มีการลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด การสร้างทั้งหมดเป็นภูมิปัญญาของคนไทยและพระในประเทศไทย โดยจำลองมาจากปราสาทหินพนมรุ้ง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และปราสาทหินพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา การกล่าวอ้างดังกล่าวของประเทศกัมพูชา อาจจะมีความคลาดเคลื่อนเพราะโดนปัญหารุมเร้าหรือไม่จนคิดอะไรไม่ออก
เช่นเดียวกับ นายวี นักท่องเที่ยวจาก จ.มหาสารคาม บอกว่าวัดภูม่านฟ้าเป็นสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกับทางขอม มีความเป็นพุทธ และมีความเป็นแบบปัจจุบัน เป็นทั้งปัจจุบันและอนาคต คือจะต้องใช้สถานที่แห่งนี้อีกอย่างน้อย 200 ปี แล้วจะไปลอกเลียนแบบใครมาจากไหนได้
สำหรับ วัดพระพุทธบาทศิลา หรือวัดภูม่านฟ้า สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เริ่มก่อสร้างเป็นที่พักสงฆ์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 ที่บ้านหนองบัวราย หมู่ที่ 7 โดยการนำของพระอาจารย์ สมศักดิ์ สํวรจิตฺโต หรือหลวงพ่อแดง ประธานหัวหน้าที่พักสงฆ์ในขณะนั้น ในพื้นที่ของนายประมูล รัตนจันทร์ ผู้ที่มีจิตศรัทธาได้ถวายที่ดินเพื่อให้จัดสร้างวัดบนเนื้อที่ 15 ไร่ และได้รับตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2564
#ไทยกัมพูชา
#วัดภูม่านฟ้า
#บุรีรัมย์