น.ส.วาสนา หรือ อิคคิว โยมอุปัฏฐาก คู่กรณีของครูบาไก่ เดินทางไปที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพวกและทนายความ รวม 3 คน เพื่อร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ตรวจสอบเส้นทางการเงินและพฤติกรรมของครูบาไก่ หรือ พระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร ประธานที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหนุ่มวัยรุ่น ที่ชื่อเจน
อิคคิว บอกว่า นำหลักฐานเด็ด เป็นคลิปลับที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ซึ่งเป็นคลิปที่ครูบาไก่ Video Call โชว์ของลับคุยกับเด็กหนุ่ม ส่วนพยานบุคคลที่พามาแจ้งความด้วยวันนี้ เป็นอดีตลูกศิษย์ที่เคยอยู่ในกุฏิร่วมกับครูบาไก่ ซึ่งมักพบเห็นพฤติกรรมของครูบาไก่ ที่ชอบดูรูปเด็กหนุ่มและเรียกเด็กหนุ่มมาหาเป็นการส่วนตัว นอกจากนี้มีหลักฐานว่าครูบาไก่ มีพฤติกรรมกับเด็กหนุ่มอีก 3-4 คน ไม่นับนายเจนที่เป็นข่าว รวมถึงพระในวัดด้วย ซึ่งพระรูปดังกล่าวเป็นเพื่อนสนิทของพยาน และปัจจุบันพระรูปนี้ ได้หลบหนีไปอยู่วัดอื่นแล้ว หลังครูบาไก่ตกเป็นข่าว
นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานแชทข้อความระหว่างครูบาไก่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะการส่งรูปอวัยวะเพศให้ครูบาไก่ เพื่อขอแลกเงิน ซึ่งชายหนุ่มคนดังกล่าวได้เงินไปทำธุรกิจส่วนตัวและรถยนต์อีกอย่างน้อยหนึ่งคัน
ด้าน น.ส.คมคาย หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า มาร้องทุกข์กับตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดี และตรวจสอบเส้นทางการเงินของครูบาไก่ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ใช้เงินตรงตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งต่อศิษยานุศิษย์หรือไม่ เนื่องจากพบหลักฐานบางอย่าง ว่ามีการโอนเงินไปยังบัญชีบุคคลภายนอก เพื่อใช้จ่ายส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการของวัด รวมทั้งมีหลักฐานแชทพูดคุยของครูบาไก่ กับชายผู้รับโอนเงินด้วย นอกจากนี้อยากให้ตำรวจตรวจสอบด้วยว่า ทองคำน้ำหนัก 188 บาท ที่รับบริจาคมายังอยู่ครบหรือไม่
น.ส.คมคาย ระบุว่า ที่ผ่านมาตนเองพยายามถอนตัวออกไปอย่างเงียบๆ แต่ครูบาไก่ กลับกล่าวหาว่า กลุ่มตนขโมยเงินทอดกฐินของวัดไป ซึ่งไม่เป็นความจริง ครูบายังปฏิเสธว่าไม่รู้จักพวกตนมาก่อน ทั้งๆ ที่ตนเคยนำเงิน 3 แสนบาทไปถวายให้ครูบาด้วยตัวเอง อีกทั้งตนยังเป็นคนไปซื้อทองที่ร้านทองใน จ.ขอนแก่น ซึ่งในวันนั้น ครูบามีเงินไม่พอที่จะซื้อทองไปสร้างพระ ตนจึงถอดสร้อยคอทองคำหนัก 20 บาท จำนำกับร้านทอง เพื่อนำเงินไปซื้อทองให้ครูบานำไปทำพิธี โดยระบุชัดเจนว่า หลังทำพิธีเสร็จให้ถอนเงินมาไถ่ทองให้ตน ซึ่งทุกเรื่องที่พูดมา เป็นเรื่องจริงและตนมีหลักฐานชัดเจน พร้อมกับจะดำเนินคดีกับครูบาไก่ให้ถึงที่สุด ฝากถึงทนายความของครูบาไก่ว่า ตนไม่ได้ล่วงเกินพระพุทธศาสนา แต่ตนมีปัญหาเฉพาะบุคคลเท่านั้น
ส่วนที่ต้องมาแจ้งความกับกองปราบปราม เนื่องจากก่อนหน้านี้ไปร้องทุกข์ที่สำนักงานพุทธศาสนา จังหวัดขอนแก่นมาแล้ว แต่ทางสำนักพุทธได้ยุติการตรวจสอบโดยอ้างว่าเนื่องจากทางครูบาไก่แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มตน จึงต้องยุติการตรวจสอบชั่วคราว ตนเกรงว่าเรื่องดังกล่าวจะเงียบหายไป จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงต้องร้องต่อตำรวจกองปราบปรามให้มาตรวจสอบเรื่องนี้แทน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องเอาไว้เพื่อนำไปตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาใดบ้างเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป