ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาเผชิญแรงขายตามทิศทางสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย นำโดย เงินเยน กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนสุดรอบเกือบ 5 ปีที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ และในวันศุกร์ (29 เม.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 33.94 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 เม.ย.)
ขณะที่ระหว่างวันที่ 25-29 เมษายน 2565 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,494 ล้านบาท และมีสถานะเป็น NET INFLOW หรือเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตร 1,961 ล้านบาท (มาจากการซื้อสุทธิพันธบัตร 2,156 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้หมดอายุ 195 ล้านบาท)
ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า จะติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทและการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างใกล้ชิด และพร้อมจะเข้าดูแลหากเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากเกินไป
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.80-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ในวันที่ 3-4 พฤษภาคม สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนเมษายน ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมีนาคม และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนของไทย ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการของจีน ยุโรปและอังกฤษ
.
#ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
#เงินบาทอ่อนค่า