ไทย

5 เท่...น่าเที่ยว จ.สกลนคร

จังหวัดสกลนคร เป็นเมืองเก่าแก่ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งศาสนาและอารยธรรมอันน่าสนใจ มีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์บริเวณแนวทิวเขาภูพาน อำเภอวาริชภูมิ ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ และหลักฐานสำคัญอื่นๆ อีกหลายอย่างสกลนครยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ พืชพรรณ สัตว์ป่านานาชนิด และแหล่งน้ำขนาดใหญ่น้อยหลายแห่ง







 



 


พระธาตุเชิงชุม

เป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาโปรดชาวเมืองหนองหารหลวง และกล่าวว่าบริเวณนี้เป็นที่บรรจุพระบาท ของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ องค์พระธาตุเชิงชุมตั้งหันหน้าไปทางหนองหารซึ่งอยู่ทิศตะวันออก สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด แต่นับเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานรูปสี่เหลี่ยม สูง 24 เมตร ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยมไม่มีลวดลายประดับ ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 3.75 กิโลกรัม มีซุ้มประตู 4 ด้าน ซุ้มยอดประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาทข้างในทึบสร้างด้วยศิลาแลงและหินทรายแดง

ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุมเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน เป็นที่เคารพนับถือและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในเวลาค่ำมักมีประชาชนไปกราบไหว้องค์พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระองค์แสนเป็นจำนวนมาก และในวันขึ้น 9-15 ค่ำ เดือน 2 (กำหนดตามจันทรคติ) จะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระองค์แสน เป็นประจำทุกปี


วัดถ้ำผาแด่น

ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน บ้านดงน้อย ตำบลดงมะไฟ  อำเภอเมืองสกลนคร เป็นอีกหนึ่งใน สถานที่ที่ห้ามพลาดของสกลนคร ที่งดงามด้วยงานแกะสลักบนหน้าผาหินที่มีเอกลักษณ์วิจิตรศิลป์ ถ่ายทอดเรื่องราว พุทธประวัติ  ซึ่งในอดีตได้มี พระเกจิอาจารย์ สายวิปัสสนาหลายองค์มาจำพรรษาปฏิบัติธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เชิงธรรมะ เพื่อดึงประชาชน และกลุ่มวัยรุ่นให้เข้าวัดมากขึ้น  วัดตั้งอยู่บนภูเขาสูง ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น โดยมีการจัดพื้นที่ ให้สามารถชมทิวทัศน์และถ่ายรูป บริเวณศาลาผาแดงมองเห็นตัวเมืองสกลนครและทะเลสาบหนองหารได้แบบ 180 องศา


อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ

อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนครสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมบัวพันธุ์ต่างๆ และรองรับการประชุมวิชาการบัวนานาชาติปี พ.ศ.2553  นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ศึกษา ค้นคว้า ของนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป รวมทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสกลนคร