!-- AdAsia Headcode -->

'เคลือบกระจก' ช่วยให้น้ำฝนไม่เกาะ จริงหรือไม่?

28 สิงหาคม 2561, 19:27น.


     น้ำยาหรือสารเคลือบกระจกทุกชนิด ทุกยี่ห้อ หลังจากการฉีดพ่นแล้วเช็ดออก หรือการเคลือบแล้วขัดออก จะทำหน้าที่เหมือนมีแผ่นฟิล์มเคลือบผิวกระจกอยู่ เมื่อมีน้ำตกกระทบที่กระจก จึงทำให้ลื่นไหลไปบนแผ่นฟิล์ม ทำให้น้ำไม่เกาะกระจก ส่วนละอองน้ำเล็กๆก็อาจจะไหลมารวมกันเห็นเป็น'เม็ดๆ'ชัดขึ้น




1. เคลือบกระจก คืออะไร


     น้ำยาหรือสารเคลือบกระจกทุกชนิด ทุกยี่ห้อ หลังจากการฉีดพ่นแล้วเช็ดออก หรือการเคลือบแล้วขัดออก จะทำหน้าที่เหมือนมีแผ่นฟิล์มเคลือบผิวกระจกอยู่ เมื่อมีน้ำตกกระทบที่กระจก จึงทำให้ลื่นไหลไปบนแผ่นฟิล์ม ทำให้น้ำไม่เกาะกระจกนั่นเอง




2. หลักการทำงาน


     ใช่ว่าแค่เคลือบกระจกแล้วน้ำจะไม่เกาะเลย! ตามประสบการณ์ของผู้เขียน หากจะให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด น้ำแทบจะไม่เกาะกระจกเลยก็ต่อเมื่อรถวิ่งที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ขึ้นไปเท่านั้น เพราะแรงลมปะทะจะช่วยผลักดันน้ำฝนให้ลื่นหลุดจากกระจกไปด้านบน หากรถจอดอยู่กับที่ หรือใช้ความเร็วต่ำ น้ำจะไหลลงตามแรงโน้มถ่วง แม้จะเป็นน้ำยาเคลือบกระจกราคาแพงสักแค่ไหน ก็ทำได้แค่'ดีขึ้น' หรือ'ดีกว่าไม่เคลือบ'เลย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น




3. ควรเคลือบกระจกทุกบานหรือไม่


     ไม่มีคำตอบตายตัวครับ คุณจะเคลือบทุกบานก็ได้ ประสิทธิภาพก็คงจะแค่'ดีกว่าไม่เคลือบ'ก็เท่านั้น ถ้าให้แนะนำควรเคลือบเฉพาะบานหน้าก็พอ เคลือบบานอื่นๆแทบจะไม่มีผลอะไรครับ ต่างกันเพียงเล็กน้อย เปลืองน้ำยาเปล่าๆ




Cr.autoweek


4. เคลือบบานหน้า จะทำให้ยางปัดน้ำฝน-ขอบยาง เสื่อมหรือไม่


     คำตอบคือ ไม่ครับ หากเราใช้น้ำยาเคลือบกระจกที่มีคุณภาพ และใช้อย่างถูกวิธี คือยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นทุกครั้งเมื่อเคลือบกระจก แล้วฉีดน้ำยาลงกระจก ขัดกระจก และเช็ดออกจากกระจกตามขั้นตอน เลี่ยงไม่ให้น้ำยาโดนขอบยางโดยตรงก็พอ น้ำยาเหล่านี้ออกแบบให้ใช้ที่กระจก ต้องคำนวณให้เป็นมิตรกับขอบยางและยางปัดน้ำฝนอยู่แล้วครับ อีกอย่างยางปัดน้ำฝนก็มีอายุของมันครับ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด 1 ปี ก็ควรเปลี่ยนแล้ว แต่ส่วนใหญ่ใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน




Cr.arabshift


5. เคลือบครั้งนึง อยู่ได้นานแค่ไหน


     อยู่ที่เปียกฝนทุกวันหรือไม่ คุณภาพและราคาของน้ำยาก็มีผลครับ คาดหวังแค่ 3-7 วันก็พอ หลังจากนั้นประสิทธิภาพก็จะค่อยๆลดลง เพราะน้ำก็จะค่อยๆชะล้างไป บางยี่ห้อโฆษณาว่าได้ถึง 30 วัน นั่นอาจตามทฤษฎีที่คงใช้เครื่องมือวัดสารเคมีครับ ใช้จริงอยู่เกิน 15 วัน ก็เก่งแล้ว




6. แบบฉีดพ่นแล้วเช็ดออก หรือการเคลือบแล้วขัดออก แบบไหนดีกว่ากัน


     ถ้ามองในแง่ประสิทธิภาพ ก็ต้องเป็นการเคลือบแล้วขัดออกครับ แต่ถ้ามองในแง่สะดวก ทำเองได้บ่อยๆ แบบฉีดพ่นแล้วเช็ดออก ก็พอไหวครับ ดูยี่ห้อดีๆหน่อย ส่วนของร้านคาร์แคร์ที่ชอบแถมนั่นมักจะเลือกแบบฉีดพ่นแล้วเช็ดออก เพราะราคาถูกกว่าเยอะ 




7. คลิปโฆษณาที่ทดสอบโชว์ว่าน้ำไม่เกาะเลย นั่นจริงหรือไม่


     กระจกที่ใช้ทดสอบมักจะผ่านการเคลือบมาอย่างเต็มที่หลายต่อหลายครั้ง อนุภาคของฟิล์มอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มประสิทธิภาพสุดๆ อีกทั้งเวลาฉีดน้ำด้วยสายยาง ยิ่งน้ำมากยิ่งมีน้ำหนักมาก เป็นธรรมดาที่น้ำจะไหลลงไปจนแทบไม่เกาะครับ ถามว่าทดสอบจริงหรือไม่ ก็คงจริง แต่ถ้าถามว่าใช้งานจริงจะได้ขนาดนั้นไหม อันนั้นอีกเรื่องครับ




8. วิธีเคลือบ


     ทำตามคำแนะนำข้างขวดเลยครับ ส่วนใหญ่ก็ยกก้านที่ปัดน้ำฝนขึ้นก่อน แล้วเริ่มลงน้ำยา โดยใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ซึ่งมีคุณสมบัติไม่กินน้ำยา ทำมือขัดวนๆเป็นก้นหอย ยิ่งวงเล็กๆยิ่งดี ถ้าร้านคาร์แคร์จะใช้อุปกรณ์ขัดสี(ลูกหมู)เพื่อทุ่นแรง ทำให้ทั่วกระจก ระวังอย่างให้โดนขอบยาง ทิ้งไว้สัก 10 นาที น้ำยาจะเซ็ตตัวเป็นฝ้าสีขุ่นๆ ถ้าให้ดีก็ทำแบบเดิมลงน้ำยาซ้ำอีก 1 รอบ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดออก ทำเป็นวนๆก้นหอยเหมือนเดิมจนกระจกใสทั้งบาน ลองสังเกตดูว่า เมื่อใช้นิ้วลูบเบาจะรู้สึกลื่นๆ เพราะมีน้ำยาเคลือบเป็นฟิล์มอยู่




Cr.tpc3mcarcare


9. จำเป็นต้องให้ร้านคาร์แคร์เคลือบกระจกให้ไหม 


     หากคุณซื้อน้ำยามาเคลือบเอง คุณสามารถเลือกน้ำยาที่มีคุณภาพได้ เริ่มตั้งแต่แบบฉีดพ่นทั่วไปขวดละ 100 บาท ไปจนถึงแบบขัดเคลือบคุณภาพดีๆ ราคาประมาณ 300 - 500 บาท ใช้ได้ยาวๆเป็นปี ข้อเสียมีอย่างเดียวคือคุณต้องลงมือทำเอง ส่วนถ้าคุณเลือกทำที่ร้านคาร์แคร์ คุณแทบจะไม่รู้เลยว่าเขาใช้น้ำยามีคุณภาพหรือไม่ ถ้าแถมฟรีก็คงไม่ใช้ของดีให้เราเท่าไร ถ้าแบบคิดเงินก็มีตั้งแต่ครั้งละ 50-200 บาท คงจะแพงไปสำหรับคนรู้ราคาน้ำยา เอาเป็นว่าตามสะดวกเลยครับ ถ้าสนิทกับเจ้าของร้าน ก็เอาน้ำยาเราเนี่ยแหละไปให้เขาเคลือบให้ :D




Cr.boxzaracing


10. ใช้น้ำยาเคลือบสีรถแทนได้ จริงไหม


     จริงๆมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน คือ ความเป็น แว็กซ์(Wax) ครับ หากนำน้ำยาเคลือบสีรถมาเคลือบกระจก ผลลัพท์ที่ได้ คือ น้ำไม่เกาะผิววัสดุเหมือนกัน แต่ในระยะยาวอาจทำให้กระจกของคุณหมองเร็วขึ้นครับ


ชมคลิป ตัวอย่างกระจกที่ถูกเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบกระจก ในสภาวะฝนตกหนักสุด




     สรุป เมื่อถามว่า ควรเคลือบกระจกหรือไม่? ผู้เขียนขอแนะนำให้เคลือบกันเถอะครับ คุณจะรู้สึกได้ถึงทัศนวิสัยที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคุณขับรถด้วยความเร็วระดับหนึ่ง ลดการทำงานของที่ปัดน้ำฝนได้เยอะเลยครับ เคลือบแล้วจะติดใจ ส่วนถ้ายี่ห้อไหนดีที่สุด ตอบได้เพียงว่า ใช้ของดีหน่อยครับ คุณภาพย่อมแปรผันตามราคาครับ 


อภิสุข เวทยวิศิษฏ์ ผู้ดำเนินรายการ จส.100
X