3 เทคนิคถนอมสายตา สำหรับคน “ติดจอ”

    “ไอแพด แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์” เครื่องมือสื่อสารและเทคโนโลยี ไร้พรมแดนเหล่านี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ทุกคนขาดไม่ได้ ตั้งแต่เด็กเล็ก ไปจนถึงผู้สูงอายุ ทุกคนล้วนมีเหตุผลที่จะต้อง “ติดจอ” จนเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่ง แม้ว่าการเสพติดเทคโนโลยีอาจไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ก็ยังมีข้อเสียที่พึ่งระวัง



     เพราะการใช้สายตาอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ คุณอาจไม่รู้ตัวว่า กำลังทำร้าย “ดวงตา”ของตัวเองอยู่ ด้วยการจ้อง จ้อง และจ้อง อยู่หน้าจออุปกรณ์สื่อสารติดต่อกันแบบไม่พัก ทำให้เรากะพริบตาน้อยลงถึง 50%  ซึ่งผลจากการกะพริบตาน้อยลง ปริมาณน้ำตาที่ควรจะถูกหลั่งออกมาเคลือบดวงตาของเราก็จะน้อยลงด้วย โดยธรรมชาติได้สร้างน้ำตาขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา  ลดความเครียดและความอ่อนล้าให้แก่ตาของเรา หากไม่มีน้ำตา ดวงตาจะแห้ง แสบ ระคายเคืองและคัน แม้ว่าอาการเหล่านี้ดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ก็สร้างความรำคาญไม่น้อย ส่วนในระยะยาว หากเรายังใช้สายตาแบบไม่ระมัดระวัง จะส่งผลให้ประสาทตาเสื่อมก่อนวัยเสี่ยงต่อการเป็นโรค “คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม” (Computer vision syndrome) หรือ โรคซีวีเอส และ ตาบอดได้ 

    เพื่อถนอมดวงตาคู่นี้ให้อยู่กับเราไปตลอด สำหรับคนที่จำเป็นต้อง “ติดจอ” อยู่เป็นเวลานานๆ ลองทำตามเทคนิคง่ายๆ 3 ข้อนี้ดูค่ะ



       กฎ 20-20-20 

    หนึ่งในเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้ดวงตาของคุณได้พักจากหน้าจอบ้าง  คือการปฏิบัติตามกฎ20-20-20 เริ่มจากทุกๆ 20 นาที ให้ละสายตาจากหน้าจอ แล้วมองออกจากจุดที่คุณนั่งอยู่ไปไกลประมาณ 20 ฟุต นับ 1-20 หรือประมาณ 20 วินาที แล้วค่อยกลับมามองหน้าจอต่อ  วิธีนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อตา รวมถึงสมองของคุณได้หยุดพักด้วย



      ไม่ใช่แค่ “กะพริบตา” 

      อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยถนอมสายตา ซึ่งจักษุแพทย์แนะนำให้คนที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ นำไปปฏิบัติ คือการกะพริบตา แน่นอนว่าไม่ใช่การกะพริบตาธรรมดา แต่ต้องกะพริบตาให้ดีด้วย หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ส่วนใหญ่เวลากะพริบตา เปลือกตาบน กับเปลือกตาล่างจะไม่สัมผัสกัน แต่ในกรณีนี้จักษุแพทย์บอกว่า ต้องกะพริบตาโดยให้เปลือกตาบนมาประกบกับเปลือกตาล่าง ซึ่งจะช่วยสร้างความชุ่มชื้น ลดอาการแห้งตึงของดวงตาได้

     ปรับความสว่างหน้าจอลง แล้วเปิดไฟแทน

     สำหรับเทคนิคสุดท้ายที่จะช่วยให้ดวงตาของคุณ ไม่ต้องทรมานกับการจ้องหน้าจออย่างต่อเนื่อง แค่เพียงปรับความสว่างของหน้าจอลง ไม่ให้แสงจ้าจนเกินไป ลดความสว่างของพื้นหลังในโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์ ลง จากนั้นเปิดไฟในที่ที่คุณอยู่ให้สว่างขึ้น แทนที่จะอาศัยแต่ไฟจากหน้าจอซึ่งไม่เพียงพอ และทำให้ดวงตาของคุณต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมด้วย



     ใครที่อ่านบทความนี้จบแล้ว ก็อย่าลืมนำเทคนิคที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันด้วยนะคะ เพราะชีวิตของเรามีตาเพียงคู่เดียว หากเสียไปแล้วถึงจะมีคนใจดีบริจาคให้ใหม่ ก็ใช่ว่าจะใช้งานได้ดีเหมือนตาของเราเอง

   ที่มา-ข้อมูล : health.com , thaihealth.or.th , gpo.or.th

   ภาพ :  longisland.com ,murrietacreekoptometry.com, health2blog.com, lovesutras.com