แผนการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ปรับแผนการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย จาก 11 โรงงาน ที่ผลิตหน้ากากอนามัย พร้อมปรับตัวเลขการมีหน้ากากอนามัยทั้งหมดที่ระบุก่อนหน้านี้จำนวน 200 ล้านชิ้น โดยจะมีการปรับตัวเลขการผลิตขึ้นใหม่รวม 2 ล้าน 3 แสนชิ้นต่อวัน
ส่วนการจัดสรรแบบวันต่อวัน เริ่มวันนี้เวลา 17.00 น. รถขนส่งของบริษัทไปรษณีย์ไทย 40 คัน จะขนส่งหน้ากากอนามัยสีฟ้าออกจากโรงงานส่งตรงทุกจังหวัด แบ่งเป็น 2 ส่วน
-กระทรวงสาธารณสุข 1 ล้าน 3 แสนชิ้น จะส่งให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ รถจะแวะส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ ทุกจังหวัด
-กระทรวงมหาดไทย 1 ล้านชิ้น แผนการแจกจ่ายจะให้ประชาชนที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยเท่านั้น เช่น อาสาสมัครสาธารณสุข เจ้าหน้าที่งานบริการผู้ป่วย ตำรวจ ทหาร ที่ทำหน้าที่ตั้งด่าน ผู้ป่วย เด็ก และผู้สูงอายุ
สำหรับการทบทวนมาตรการต่าง ๆ ของสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มีการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 2558 การปฏิบัติตามอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิต แต่ยังมีบางกรณีที่อาจจะเกิดความเสียหายต่อสังคมและส่วนรวมได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการประกาศที่เข้มงวดมากขึ้น จึงขอความร่วมมือทุกกิจกรรมที่มีการใกล้ชิด สัมผัสกัน ให้ปฏิบัติตามมาตรการโดยเฉพาะการเว้นระยะห่าง งดการรวมตัวเป็นหมู่มาก อย่างเคร่งครัด เช่น
-พบว่าช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่แล้ว ยังมีปริมาณรถเข้า- ออก ตามเส้นทางต่างๆ เป็นจำนวนมาก จึงขอให้ทุกคนเข้มงวดกับมาตรการการอยู่กับบ้าน
-พบกิจกรรมสังสรรค์ เช่น การร่วมกันทำกิจกรรมในบ้านร่วมกัน ซึ่งอาจทำโดยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์เนื่องจากอาจมองว่าไม่มีปัญหา
-พบช่องทีวีถ่ายทอดมวย แม้จะไม่มีคนดูในพื้นที่ แต่อาจจะสร้างการรวมกลุ่มชมมวยที่บ้านได้ จึงส่งสัญญาณขอร้องสถานีโทรทัศน์งดการถ่ายทอดการชกมวยอย่างน้อยในช่วงเดือนเมษายนนี้
-พบว่ามีการจัดกิจกรรมแข่ง เจ็ทสกี ตามแม่น้ำลำคลอง โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา
-พบรถจักรยานยนต์รับจ้างยังเป็นจุดที่ล่อแหลม และอันตรายมากโดยเฉพาะผู้ขับขี่ไม่สวมหน้ากากอนามัย และมีผู้โดยสารซ้อนท้าย หรือแม้แต่ส่วนหน้ากากอนามัย แต่ก็ยังมีการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร จึงถือเป็นความเสี่ยง
-พบกองถ่ายที่ยังถ่ายทำ
-พบในบางจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชาชนยังคงใช้ธรรมเนียมเดิมในการใส่บาตร ทั้งผู้ใส่และพระสงฆ์ในการใช้มือจกข้าวเหนียวใส่บาตร ถือเป็นการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสได้อีกทางหนึ่ง
-พบการทำศาสนกิจของพระที่มีจำนวนมาก