ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563

          จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ระบุว่า ไม่อนุมัติหรืออนุญาตให้นิสิตหรือบุคลากร ลาเพื่อเดินทางไปหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 ตามที่มหาวิทยาลัยประกาศกำหนด ซึ่งมีกำหนดการเดินทางระหว่างวันที่ 20 ก.พ.ถึง 19 เม.ย. 2563

          กรณีที่ได้รับอนุมัติหรืออนุญาตให้ลา เพื่อเดินทางไปประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงดังกล่าวอยู่ก่อนวันประกาศนี้ ให้นิสิต หรือบุคลากร งดหรือเลื่อนการเดินทางออกไปให้พ้นระยะเวลาดังกล่าวที่กำหนดไว้และถ้ามีค่าใช้จ่ายที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วเกิดขึ้นก่อนวันที่ประกาศนี้ ให้สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ตามจริง

          หากมีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางได้ ให้นิสิต หรือบุคลากร แจ้งเหตุผลหรือความจำเป็นต่อหัวหน้าส่วนงานหรือรองอธิการบดีที่กำกับการปฏิบัติงาน กำกับดูแลแล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณา และเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้วให้ไปรับการตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังเชื้อโรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หรือสถานพยาบาลอื่นที่มีมาตรฐานในการตรวจคัดกรอง และเฝ้าระวังเทียบเท่ากับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากนั้นรายงานให้ทราบ และจะมีการพิจารณาสั่งให้ผู้นั้นงดเข้าชั้นเรียนหรือหยุดมาปฏิบัติงาน เพื่อรับการรักษาจนหายเป็นปกติ หรือเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน นับจากวันที่กลับมาถึงประเทศไทย โดยไม่ถือเป็นการขาดเรียน หรือขาดการปฏิบัติงาน และไม่นับเป็นวันลา

          นอกจากนี้ ให้งดหรือเลื่อนการเชิญบุคคลจากต่างประเทศมาร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน การประชุม การสัมมนาหรือการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย ระหว่างวันที่ 20 ก.พ. ถึง 19 เม.ย. ออกไปก่อน และถ้าหากมีค่าใช้จ่ายที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วเกิดขึ้นก่อนวันที่ประกาศนี้ ให้สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ตามจริง ให้นิสิตและบุคลากร ถือปฏิบัติตามประกาศนี้โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 2563 เป็นต้นไป

กรมการกงสุล ขอคนไทยในจีน พิจารณาเดินทางออกนอกประเทศ

          กรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ เผยแพร่ข่าวด่วนกรมการกงสุล เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ระบุว่า ตามที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ ขอให้คนไทยในจีน (ยกเว้นฮ่องกง) ที่ไม่มีความจำเป็นต้องพักอาศัยในจีน ให้พิจารณาเดินทางออกจากจีน ในขณะที่สายการบินยังให้บริการอยู่ รวมถึงขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปจีนโดยไม่มีความจำเป็นในขณะนี้  ส่วนคนไทยที่อาศัยในจีน ขอให้ติดตามสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิด พร้อมทำตามคำแนะนำของทางการจีนอย่างเคร่งครัด

เกาหลีใต้ มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น 31 คนภายในวันเดียว

          ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี หรือ เคซีดีซี รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในประเทศมีผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 82 คน หลังจากที่เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) เพียงวันเดียวพบผู้ป่วยใหม่มากถึง 31 คน โดย 23 คนในกลุ่มนี้อยู่ที่เมืองแทกู เมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ ที่สันนิษฐานว่าจะติดเชื้อจากผู้ป่วยหญิงอายุ 61 ปี ที่มีอาการป่วยและเพิ่งได้รับผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อเมื่อวันอังคาร (18 ก.พ.) เป็นผู้ป่วยลำดับที่ 31 ของประเทศ แต่ก่อนที่จะปรากฏอาการป่วย เธอได้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่โบสถ์แห่งหนึ่งในท้องถิ่น แต่ผู้ป่วยหญิงรายนี้ไม่เคยเดินทางไปจีน ทำให้ยังไม่แน่ชัดว่าเธอติดเชื้อโควิด-19 มาได้อย่างไร ทางการเมืองแทกู ระบุว่า กิจกรรมทางศาสนาที่โบสถ์กลายเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายโรคในวงกว้าง และมีความเสี่ยงที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก และให้โบสถ์ งดการประกอบพิธีทางศาสนา และกิจกรรมไว้ชั่วคราวทั้งขอให้ผู้ที่ร่วมในกิจกรรมมาพบแพทย์

สิงคโปร์ มีผู้ป่วยใหม่ 3 คน

         กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงาน ยืนยัน ผู้ป่วยใหม่ 3 คน โดย 2 คนในกลุ่มนี้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่โบสถ์แห่งเดียวกัน และทำให้สิงคโปร์มีผู้ป่วยสะสมเป็น 84 คนแล้ว ในกลุ่มนี้มีอยู่ 4 คนที่มีอาการหนัก แต่มีผู้ที่ได้รับการรักษาจนหายดี 5 คน แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว

ผู้โดยสารชาวฮ่องกงจากเรือไดมอนด์ ปรินเซส เดินทางถึงฮ่องกง เป็นชุดแรกแล้ว

         หลังจากที่ญี่ปุ่น ประสานประเทศต่างๆให้มารับประชาชนของตัวเองที่อยู่บนเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส หลังจากครบกำหนดระยะเวลา 14 วัน ฮ่องกง ได้ส่งเครื่องบินของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ที่รัฐบาลฮ่องกง เช่าเหมาลำไว้อย่างน้อย 2 เที่ยวบิน เพื่อนำผู้โดยสารชาวฮ่องกงกลับมา เรือสำราญลำนี้ มีชาวฮ่องกง ทั้งหมด 364 คน ตรวจสอบพบว่า 55 คนติดเชื้อโรคโควิด-19 จึงต้องอยู่ในญี่ปุ่นต่อไปพร้อมกับพลเมืองประเทศอื่น 33 คนที่ใกล้ชิดกับพวกเขา ส่วนที่เหลือจำนวน 106 คน เดินทางกลับถึงฮ่องกงแล้ว ทันทีที่เดินทางมาถึงฮ่องกง ผู้โดยสารชุดแรกทั้งหมดก็ต้องอยู่ภายในอาคารการเคหะแห่งใหม่ในเขตนิวเทอร์ริทอรี่ส์ เพื่อดูอาการอีก 14 วัน ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ประท้วงหลายร้อยคน ชุมนุมกันเพื่อประท้วงที่รัฐบาลท้องถิ่นฮ่องกงนำอาคารมาใช้เป็นศูนย์กักโรค หลายคนไม่พอใจเพราะรอย้ายเข้าไปอาศัยในอาคารการเคหะดังกล่าวมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปอยู่ รัฐบาลก็นำมาใช้เป็นสถานกักโรคก่อน ขณะที่นางแคร์รี แลม ผู้บริหารฮ่องกงเรียกร้องให้ชาวฮ่องกง ยอมรับแผนการกักโรคของรัฐบาล

อัยการ นำสำนวนคดีชิงทองที่จ.ลพบุรี ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา

          คดีชิงทองที่จ.ลพบุรี  หลังจากที่สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายประสิทธิชัย เขาแก้ว  ผู้ต้องหาชิงทองที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งจังหวัดลพบุรี จากตำรวจมาพิจารณาเพื่อส่งฟ้องศาลตามขั้นตอน ล่าสุดพิจารณาสำนวนเสร็จแล้ว นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คณะทำงานพิจารณาสำนวนที่มีนายพรชัย ชลวณิชกุล รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นหัวหน้าคณะ ได้ตรวจสำนวนอย่างละเอียดก่อนเห็นว่าสำนวนสมบูรณ์ ไม่มีประเด็นต้องสอบสวนเพิ่ม จึงเห็นพ้องตามตำรวจให้สั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 9 ข้อหา เช่น ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นหรือเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำ, พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอื่น, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้อาวุธปืนและใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วก็เห็นชอบเช่นกัน

          วันนี้พนักงานอัยการจึงจะนำสำนวนไปยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลอาญาทันที โดยท้ายคำฟ้องได้คัดค้านการประกันตัว พร้อมขอให้ศาลอาญาพิจารณาโดยเร็วและลงโทษสถานหนัก ควบคู่กับการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องให้ติดต่อผู้เสียหายเพื่อรวบรวมเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับผู้ต้องหา

+++คดีนี้สำนักงานคดีอาญา ยังลงความเห็นว่าเป็นเหตุสะเทือนขวัญ มีการใช้อาวุธร้ายแรงในการก่อเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย จึงถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบของอสส.ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการที่ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาคดี โดยในสำนวนของชั้นตำรวจก่อนส่งมาที่อัยการพบว่ามีพยานปาก 80 ปาก และของกลางที่เป็นทอง 31 เส้น รวม 650,015 บาท

ตรวจหาสาเหตุไฟไหม้ร้านข้าวซอยชื่อดังที่จ.เชียงใหม่