ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.25น.วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม 2562

17 ตุลาคม 2562, 14:04น.


ปธ.สภาฯกำชับสมาชิกอภิปรายยึดตามข้อบังคับ  



          นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กำชับให้สมาชิกใช้สิทธิอภิปรายโดยยึดข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเวลาที่ได้ตกลงไว้ และขอให้เว้นการใช้เครื่องมือสื่อสารใดๆ ที่จะรบกวนต่อการประชุม เพื่อสร้างมาตรฐานของสภาผู้แทนราษฎรที่มีวินัย และยึดกติกาข้อบังคับ



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ระหว่างการชี้แจงเรื่องการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2563 วงเงิน 3,200,000 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ จะนำเสนอหลักการของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อขอความเห็นชอบจากสภาในวาระที่ 1 วงเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2563 เพิ่มขึ้น 200,000 ล้านบาท จากงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2562 ที่ 3,000,000 ล้านบาท เป็นการตั้งงบขาดดุลบัญชี 469,000 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ตั้งงบขาดดุล 450,000 ล้านบาท เป็นการจัดสรรตามยุทธศาสตร์สำคัญ 6 ด้าน รัฐบาลตั้งงบกลางสูงถึง 518,770.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.2 ของงบประมาณรวมทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นการตั้งงบประมาณเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 96,000 ล้านบาท ลดลงจากงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2562 จำนวน 3,000 ล้านบาท คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และฝ่ายค้าน สรุปเวลาอภิปรายฝ่ายละ 18 ชั่วโมง



ฝ่ายค้าน ปรับลดผู้อภิปรายเหลือ 95 คน ภายใน 18 ชั่วโมง  



          นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึง รูปแบบการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่าจะเริ่มจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้อภิปรายเปิด ต่อด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย , น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซึ่งการอภิปรายจะเป็นการอภิปรายแบบภาพรวม โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่จะสะท้อนการจัดงบใน 6 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงงบกลางที่เพิ่มมากขึ้นผิดปกติ เพราะงบกลางเป็นงบที่ตรวจสอบยาก และปกติในทุกองค์กรจะต้องถูกตั้งงบกลางให้น้อยที่สุด มองว่าเวลาในการอภิปราย 18 ชั่วโมงไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องปรับลดบุคคลอภิปรายให้ลงตัว ซึ่งตอนนี้ฝ่ายค้านเหลือผู้อภิปราย 95 คน จากเดิม 106 คน



กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก เตรียมเข้าพบรมว.เกษตรฯ ชี้แจงผลกระทบหากยกเลิกใช้ 3 สารเคมี



          นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวว่า วันที่ 21 ตุลาคม เวลา 10.00 น. กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก 6 ชนิด ได้แก่ อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด และไม้ผล จะร่วมกันแถลงข่าวที่โรงแรมเอเชีย เพื่อชี้แจงผลกระทบต่อเกษตรกร หากรัฐยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิด โดยเฉพาะพาราควอตเป็นสารกำจัดวัชพืชที่มีประสิทธิภาพและราคาถูก อีกทั้งจะแสดงข้อมูลแย้งเอ็นจีโอที่ระบุว่าพาราควอตตกค้างในพืชผักเป็นเรื่องเท็จ เนื่องจากพาราควอตมีฤทธิ์เผาไหม้ เกษตรกรใช้ฉีดกำจัดหญ้าเท่านั้น ไม่ได้ฉีดใส่ต้นผักหรือไม้ผล



          ซึ่งประเด็นนี้ นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า พาราควอต เป็นยาฆ่าหญ้า วิธีการใช้ไม่ได้ทำให้ส่งผลตกค้างมาสู่ผู้บริโภค จึงควรกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ใช้ได้อย่างเหมาะสม ได้แก่ การอบรมเกษตรกร รวมทั้งมีระเบียบการเก็บรักษาไม่ให้เสี่ยงเป็นอันตราย นายเจษฎา กล่าวว่า ทางออกที่รัฐควรเร่งทำ คือ การจัดเวทีให้ผู้แทนฝ่ายหนุนและต้านการใช้นำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มานำเสนอให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งเป็นวิธีการที่นานาอารยะประเทศใช้แก้ปัญหา กรณีที่สังคมมีความเห็นไม่ตรงกันแล้วให้สังคมมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ แต่ต้องเป็นการนำเสนอปัญหา ผลกระทบ และทางแก้ไขที่เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลเชิงประจักษ์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเวทีตอบโต้กล่าวหากันไปมา ซึ่งปรากฏในโซเชียลมีเดียเป็นเวลานานแล้ว



บอร์ดชุดใหม่เห็นชอบร่างสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน



          นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะประธานบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บอร์ดชุดใหม่เห็นชอบร่างสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยให้นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟฯ เป็นผู้ลงนามในสัญญา ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ระบุว่า กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง และพันธมิตร หรือกลุ่มซีพี รับแผนการส่งมอบพื้นที่ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ กพอ. อนุมัติล่าสุด คือแบ่งเป็น 3 ช่วง คาดว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีความชัดเจนและสามารถเริ่มเข้าพื้นที่ได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่เกิดการยกเลิกสัญญาในโครงการนี้อย่างแน่นอน



คาดบ่ายนี้ ตร.อาจออกหมายจับเพิ่มผู้เกี่ยวข้องคดีลัลลาเบล  



          พล.ต.ต.นิธินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึง ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของพริตตี้สาวลัลลาเบลว่า หลังการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ช่วงค่ำวานนี้ได้ข้อยุติว่า บ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนจะนำพยานหลักฐาน ไปขออนุมัติศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในบ้านปาร์ตี้ ที่ย่านบางบังทองเพิ่มเติม นอกเหนือจากนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือน้ำอุ่น หนุ่มพริตตี้บอย ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ โดยจะพิจารณาความผิดแต่ละข้อหาเพิ่มเติมเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ มีรายงานว่าบุคคลที่อยู่ในข่ายจะถูกออกหมาย เพิ่มมี 5 คน ขณะที่ข้อหาที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอความเห็นชอบศาลในการอนุมัติออกหมายจับมี 4 ข้อหา คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย,พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร,กระทำอนาจารผู้อื่น และเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิด



แผ่นดินไหวที่ฟิลิปปินส์มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เจ็บ 27 คน



          ทางการฟิลิปปินส์ รายงานว่า จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ทางตอนใต้ของประเทศ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เวลา 19.37 น.วันพุธตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 18.37 น.ตามเวลาในไทย ศูนย์กลางลึก 14.1 กิโลเมตร บนเกาะมินดาเนาไปทางตะวันออกค่อนตะวันออกเฉียงเหนือ 7 กิโลเมตร และห่างจากเมืองดาเวา บ้านเกิดของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 80 กิโลเมตร ผู้คนในเมืองคิดาปาวันซึ่งตั้งอยู่ระหว่างศูนย์กลางแผ่นดินไหวกับเมืองดาเวา เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ผู้คนพากันวิ่งออกจากอาคาร ชุมชนหนึ่งบริเวณเชิงเขาต้องอพยพเพราะเกิดแรงสั่นสะเทือน และเกิดอาฟเตอร์ช็อก มากกว่า 200 ครั้ง รายงานระบุว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้น เกิดไฟฟ้าดับ กระทบเรื่องการสื่อสาร และมีอาคารเสียหาย โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติ แถลงว่า ที่จังหวัดดาเวา เดล ซูร์ เกิดดินถล่มมีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 18 คน ส่วนที่จังหวัดโคตาบาโตเหนือ เด็กหญิงวัย 7 ขวบถูกกำแพงบ้านล้มทับเสียชีวิต แผ่นดินไหวทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 27 คน อาคารเสียหาย 15 หลัง มีห้างสรรพสินค้าและโรงเรียนได้รับความเสียหาย   



ประธานฟีฟ่า เป็นพยานในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกระหว่างสองเกาหลี  



          การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย ระหว่างทีมชาติเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือที่คิมอิลซุงสเตเดียม ในกรุงเปียงยาง เมื่อวันอังคาร (15 ต.ค.) ถูกระบุว่า เป็นการแข่งขันที่แปลกที่สุด และเงียบที่สุด เพราะนอกจากจะไม่มีการถ่ายทอดการแข่งขันแล้ว ยังเป็นการแข่งขันที่ไม่มีผู้ชม มีเพียงพยาน ในการแข่งขันคือนายจิอันนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า และผลการแข่งขันออกมาเสมอกันไป 0-0 ทำให้เกาหลีใต้ มีคะแนนสะสมเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มมี 7 คะแนน จาก 3 นัด เท่ากับเกาหลีเหนือ แต่ประตูได้เสียดีกว่า



          ซน ฮึง-มิน นักฟุตบอลกองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้ และผู้เล่นสโมสรทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ส เล่าว่า นักฟุตบอลทีมเกาหลีเหนือเล่นหนักมาก ดูเหมือนมีเจตนาทำร้ายร่างกายมากกว่าการแข่งขัน ทั้งพูดสบถใส่นักกีฬาคู่แข่งตลอดเวลา จนทำให้ผู้เล่นทีมเกาหลีใต้ กังวลว่าจะได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันนัดนี้ แต่ก็ทำให้เขาคิดว่าเกาหลีเหนือคิดว่าฟุตบอลเกาหลีใต้เป็นทีมที่แข็งแกร่ง ซน บอกด้วยว่า เขาผิดหวังที่ไม่สามารถเอาชนะทีมเจ้าบ้านได้ แต่การกลับมาโดยที่ไม่มีอาการบาดเจ็บถือเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างมาก



CR:เฟสบุ๊ก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา 



 

ข่าวทั้งหมด

X