ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. 26 มีนาคม 2562

26 มีนาคม 2562, 07:08น.


ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวานนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งและนายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งร่วมกันแถลงผลการรายงานการนับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่กำหนดให้ประกาศคะแนนอย่างไม่เป็นทางการที่ร้อยละ 95 ซึ่งไม่ได้เป็นการทำตามอำเภอใจ ทั้งขอให้ระมัดระวังเรื่องการคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เพราะอาจมีการสั่งเพิกถอนการสมัครเกิดขึ้น และจะทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ทั้งยอมรับด้วยว่ามีแฮกเกอร์โจมตีระบบจนระบบล่มถึง 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามภายในวันศุกร์ที่ 29 มีนาคมนี้ จะได้รับรายงานครบจากทุกเขตแล้วจะเปิดเผยอีกครั้ง โดยคาดว่าจะประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคม โดยในวันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งจะมีการวินิจฉัยกรณีบัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์



เมื่อเวลา 16.00 น. คณะกรรมการการเลือกตั้งรายงานรายชื่อ ผู้ได้รับคะแนนสูงสุดรายจังหวัดอย่างไม่เป็นทางการ จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 350 เขต รวม 77 จังหวัด ปรากฏดังนี้ เพื่อไทยได้ 137 ส.ส.เขต พลังประชารัฐ 97 ส.ส.เขต ภูมิใจไทย 39 ส.ส.เขต ประชาธิปัตย์ 33 ส.ส.เขต อนาคตใหม่ 30 ส.ส.เขต ประชาชาติ 6 ส.ส.เขต ชาติไทยพัฒนา 6 ส.ส.เขต ชาติพัฒนา 1 ส.ส.เขต รวมพลังประชาชาติไทย 1 ส.ส.เขต



ส่วนรายงานการนับผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการที่ร้อยละ 94 ตามที่เว็บไซต์ของคณะกรรมการการเลือกตั้งรายงานเมื่อเวลา 05.00 น. พบว่าพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนรวม 7,938,893 คะแนน พรรคเพื่อไทย 7,422,600 คะแนน พรรคอนาคตใหม่ 5,870,093 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์ 3,704,284 คะแนน พรรคภูมิใจไทย 3,512,151 คะแนน พรรคชาติไทยพัฒนา 736,929 คะแนน พรรคประชาชาติ 457,478 คะแนน พรรคชาติพัฒนา 237,265 คะแนน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 329,099 คะแนน พรรคเสรีรวมไทย 772,230 คะแนน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 458,097 คะแนน พรรคเพื่อชาติ 393,897 คะแนน พรรคพลังท้องถิ่นไท 200,753 คะแนน พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 122,479 คะแนน



ส่วนกรณีของพรรคเพื่อนไทยที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งพิพากษาตัดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งพรรค เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีคะแนนถึง 3 แสนคะแนน



ขณะเดียวกันมีผู้ลงชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้งผ่านเว็บไซต์ change.org มากกว่า 500,000 คนแล้ว ซึ่งตามรัฐธรรมนูญระบุว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คนมีสิทธิ์เข้าชื่อกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ โดยให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ไต่สวนข้อเท็จจริง และหากมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง



ส่วนการจับขั้วทางการเมืองซึ่งทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทยต่างอ้างความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลโดยรวบรวมเสียงให้ได้เกิน 250 เสียง



นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงยืนยันเรื่องการรวบรวมเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาล  



ส่วนพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เปิดเผยว่าพรรคจะรวบรวมเสียงจากพรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจจัดตั้งรัฐบาล



ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ที่ถูกมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค กล่าวว่าพรรคไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่รวบรวมจากเสียงข้างน้อย เพื่อให้รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้งมีความมั่นคงและทำงานให้กับประชาชนได้



ด้านความเห็นของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทย คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะจึงจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ภาคเอกชนจึงหวังให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีเกียร์ว่าง และการรักษาความสงบเรียบร้อยจึงเป็นสิ่งสำคัญ และเห็นว่ามีหลายนโยบายที่เป็นเรื่องที่ดีควรสานต่อ เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี การพัฒนาการศึกษา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การขึ้นค่าแรง ซึ่งผลการเลือกตั้งสะท้อนถึงความต้องการของประชาชนอย่างชัดเจน หลายพรรคการเมืองเสนอทางเลือกใหม่ๆ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ขณะที่พรรคเก่าแก่ประชาชนให้ความสนใจลดลง



ด้าน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีนโยบายพรรคการเมืองที่หาเสียงไว้หลายนโยบายเป็นเรื่องที่ดี แต่ให้คำนึงถึงเสถียรภาพทางการเงินของรัฐบาลด้วย ไม่ควรกระทบต่อฐานะการคลังจนเกินไป เชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่จะประสานการทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ



อย่างไรก็ตามตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อวานนี้ ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดตลาดจนปิดตลาดในแนวลบที่ระดับ 1,625.91 จุด ลดลง 20.38 จุด คิดเป็นร้อยละ 1.24 มูลค่าการซื้อขายรวม 47,064 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,642 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 856 ล้านบาท พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,188 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายบุคคลในประเทศซื้อสุทธิ 3,687 ล้านบาท



ส่วนรายงานของสื่อต่างชาติเกี่ยวกับการเลือกตั้งในประเทศไทย ต่างมองไปในทางเดียวกันว่า อาจใช้เวลานานกว่า 1 เดือนในการตั้งรัฐบาลใหม่ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่จะเป็นรัฐบาลผสมที่มีความอ่อนแอ กับมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์เคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเลือกตั้งมากขึ้น



...

ข่าวทั้งหมด

X