อัยการยกประเด็น ร่วมกันล่าสัตว์ป่า ยื่นอุทธรณ์คดีเสือดำ

ในงานเสวนา "1 ปี คดีเสือดำ กับคำตัดสินที่รอคอย" โดยนายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ต่อไป ที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นแขกนายหรือใครก็ตาม  ส่วนฝ่ายนายเปรมชัยที่กล่าวคำขอโทษ คิดว่าคำขอโทษของเปรมชัย น่าจะส่งผล เชื่อว่านายเปรมชัยจะต่อสู้ต่อไปเพื่อให้รอลงอาญา อีกเรื่องคือการดำเนินการในอนาคตต่อจากวันนี้ต้องยอมรับว่า ผลสะเทือนของกรณีเสือดำ ทำให้ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ผ่านการพิจารณาของ สนช. มีการเพิ่มโทษการทำความผิดมากขึ้น มีพรรคการเมืองเสนอให้ขึ้นบัญชีเสือดาว เสือดำ เป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งกฎหมายใหม่มีการกำหนดโทษขั้นต่ำทันทีโดยที่ศาลไม่ต้องใช้ดุลยพินิจ โทษขั้นต่ำปรับเป็นล้านบาท จากนี้ รัฐบาลหน้าต้องสานต่อเรื่องนี้ ท่าทีของรัฐบาลหน้ากับบริษัทอิตาเลียนไทยจะเป็นอย่างไร เพราะศาลมีคำตัดสินโดยไม่รอลงอาญาแล้ว

ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่าคณะทำงานคดีเสือดำของสำนักงานอัยการสูงสุดจะต้องขอคัดคำตัดสินตัวเต็มออกมาเพื่อวิเคราะห์ว่า ศาลฟังพยานหลักฐานจากใคร โดยหากมีการอุทธรณ์จะอุทธรณ์ในประเด็น คำสั่งศาลโดยเฉพาะในเบื้องต้นศาลไม่ได้เห็นตามที่เราส่งฟ้องในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า แต่ศาลตัดสินว่าร่วมสนับสนุนเราจึงจะอุทธรณ์ในประเด็นนี้

นายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก กล่าวว่า จากประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มั่นใจว่าหลักฐานแน่นสามารถเอาผิดได้ ซึ่งก็รู้สึกงงที่เสือดำหลุดไม่ตรงใจเรา โดยเฉพาะมีหลักฐานพบซากเสือดำใกล้บริเวณแคมป์ที่พัก ซึ่งทางกรมอุทยานฯ ก็ได้มีการหารือแล้วว่าจะอุทธรณ์ต่อไป ทั้งนี้เป็นครั้งแรกที่กรมอุทยานฯ ต้องประเมินมูลค่าสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะสัตว์ผู้ล่าซึ่งทำได้ยากมาก โดยกรมอุทยานฯ ประเมินที่ 12 ล้านบาท แต่ศาลพิจารณาที่ 2 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานให้กรณีอื่นๆ ต่อไป