ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2562

03 มกราคม 2562, 08:24น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2562



+++ยังคงให้กำลังใจประชาชนในจังหวัดภาคใต้ จากการเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อน "ปาบึก" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการรับมือพายุโซนร้อนปาบึก  (PABUK) ว่า  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมา มีการแจ้งเตือนไปทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำประมง การท่องเที่ยว รวมถึงการสัญจรไปมาในพื้นที่อ่าวไทยและฝั่งอันดามันด้วย ขอเตือนทุกคนช่วยเตรียมการป้องกันตัวเอง และขอร้องภาคเอกชนในการใช้เรือโดยสาร ซึ่งตนได้สั่งห้ามหมดแล้ว และได้ย้ำเตือนในที่ประชุม ครม.อีกครั้ง



+++ขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยจะมีการประชุมเตรียมการบูรณาการอีกครั้ง หลังจากได้สั่งการไปแล้ว ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองทัพเรือ กองทัพบก และกรมเจ้าท่า โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นแม่งานในการขับเคลื่อน



+++นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า พายุปาบึกจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ ในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค.นี้ และขณะนี้มีการแจ้งไปยังหน่วยงานระดับท้องถิ่น 15 จังหวัดฝั่งอ่าวไทย และท้องถิ่นที่มีการคาดการณ์ว่าพายุปาบึกจะเคลื่อนตัวเข้าฝั่งอ่าวไทยในช่วงวันที่ 4 ม.ค.นี้ ให้พร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง และภาวะน้ำท่วม ซึ่งไม่อยากให้เกิดความแตกตื่นมาก "หากเทียบความรุนแรงของพายุปาบึก มากน้อยแค่ไหน ก็เท่ากับพายุโซนร้อนที่เคยมีผลกระทบกับภาคใต้ของไทย น่าจะเท่ากับพายุแฮเรียต ที่เคยเข้าที่แหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2505 ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ของไทย แต่ย้ำว่ายังต้องติดตามเป็นรายชั่วโมงว่าพายุปาบึก จะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันเมื่อขึ้นฝั่งหรือไม่ แต่ก็ยังทำให้มีฝนตกหนัก และอาจเกิดน้ำท่วมในวงกว้างได้ ขณะที่การเตรียมรับมือพายุแฮเรียตกับตอนนี้อาจจะแตกต่างที่ปัจจุบันมีระบบเตือนภัยที่พร้อมและรวดเร็วกว่า"



+++นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้วิทยุด่วนที่สุดถึงนายอำเภอทุกแห่ง รวมถึงนายกเทศมนตรี เจ้าท่าภูมิภาค ตำรวจน้ำ ประมงจังหวัด พื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 หัวหน้าอุทยานฯ และ ปภ.สาขา ให้รับมือกับพายุปาบึก โดยให้ทุกหน่วยติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติทุกพื้นที่ แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม ที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง เช่นเดียวกับที่ จ.ยะลา และจังหวัด อื่น ๆ ในภาคใต้ ได้เร่งอพยพเรือประมงหลายพันลำกลับเข้าฝัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมรับมือ โดยเร่งแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุปาบึกด้วยเช่นกัน



+++นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ได้ประสานงานกับผู้ผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยผ่านห้องปฏิบัติการ หรือวอร์รูม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับผล กระทบพายุโซนร้อนปาบึกที่จะส่งผลกระทบในพื้นที่ภาคใต้ระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.นี้ เบื้องต้นการผลิตก๊าซฯ ยังคงปกติ ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งในส่วนของผู้ผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยตอนล่างหรือตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงมา ได้ทยอยอพยพพนักงานกลับขึ้นฝั่งแล้ว เช่น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) บริษัท เชฟรอน ประเทศไทยสำรวจและผลิต ทั้งนี้ เรามีมาตรการตามแผนงานในเรื่องนี้ โดยเน้นย้ำความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งการผลิตก๊าซฯ ยังปกติ ส่วนการผลิตน้ำมันลดลงเล็กน้อย สำหรับขั้นตอนอพยพพนักงานจะให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องน้อยที่สุดออกมาก่อน หากเหตุการณ์ไม่รุนแรงมากจะให้พนักงานในส่วนรับมือฉุกเฉินเฉพาะแท่นผลิตประมาณ 10 คนต่อแท่นไว้ แต่ถ้าพายุรุนแรงก็จะพิจารณาว่าจะอพยพคนทั้งหมดหรือไม



+++สำหรับ แท่นสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยมีทั้งหมด 420 แท่น มีพนักงานประมาณ 3,000-4,000 คน มีกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และน้ำมันประมาณ 1 แสนบาร์เรล โดยการผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยแบ่งเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่ โซนอ่าวไทยตอนบนนับจาก จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นไป พบว่าแท่นผลิตและพนักงานไม่ได้รับผลกระทบ ไม่ต้องมีการอพยพ



+++ขณะนี้พื้นที่แท่นผลิตคาดการณ์ว่าจะอยู่ในโซนเตือนภัยระดับสีเหลือง (ระดับ 2) ขึ้นไป จึงมีการสั่งอพยพ โดยโซนของแหล่งที่ปตท.สผ.ดูแล คือ แหล่งอาทิตย์ แหล่งบงกชเหนือ และแหล่งบงกชใต้ เป็นระดับสีส้ม(ระดับ 3) ขณะนี้ ปตท.สผ.อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะอพยพพนักงานรับมือฉุกเฉินทั้ง 3 แท่นผลิต ประมาณ 30 คนขึ้นฝั่งหรือไม่ ลำดับโซนเตือนภัยจะแบ่งเป็น 4 สี หรือ 4 โซนตามลำดับความรุนแรงของพายุ จากน้อยไปมาก ได้แก่ โซนสีเขียว,สีเหลือง,สีส้ม และสีแดง โดยจะเริ่มอพยพตั้งแต่โซนสีเหลืองเป็นต้นไป



+++บริษัท เชฟรอนฯ ได้ออกแถลงการณ์ว่าได้จัดตั้งทีมงานจัดการกับสภาวะฉุกเฉินเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และอยู่ระหว่างดำเนินการอพยพพนักงานส่วนใหญ่ขึ้นฝั่ง รวมทั้งเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะและเรือสนับสนุนต่าง ๆ ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 วัน ตามขั้นตอนแผนความปลอดภัยของบริษัทฯ โดยเชฟรอนฯ ได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลครอบครัวพนักงานขึ้น โดยสมาชิกครอบครัวของพนักงานที่มีความกังวลหรือมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ 0-2545-5035



+++ที่จังหวัดสงขลา หนึ่งในจังหวัดที่จะได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก นั้น ขณะนี้สภาพคลื่นลมบริเวณชายฝั่งเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ชาวประมงพื้นที่บริเวณชายฝั่งของ จ.สงขลา ทั้ง 6 อำเภอ ไล่ตั้งแต่ อ.ระโนด สทิงพระ สิงหนคร เมือง จะนะ และ อ.เทพา ต้องหยุดออกเรือชั่วคราว รวมถึงชุมชนชาวประมงพื้นบ้านที่บ้านบ่ออิฐ ต.เกาะแต้ว อ.เมืองสงขลา ชาวประมงได้ช่วยนำเรือประมงขึ้นจอดบนฝั่งบริเวณชายหาดบ่ออิฐอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันคลื่นซัดเสียหาย



+++อุบัติเหตุช่วงปีใหม่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดเผยว่า มาตรการ "ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ" เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุในวันที่ 1 ม.ค. 62 รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 27,947 ครั้ง เจ้าหน้าที่ยึดใบขับขี่ไว้ 804 คน และจำเป็นต้องเก็บรักษา รถจักรยานยนต์ไว้ 661 คัน และส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 23,352คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 29,455 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 604 คน เก็บรักษารถยนต์ 200 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 21,022 คน



+++โดยตลอด 6 วัน ที่ผ่านมา ( 27 ธ.ค.61 - 1 ม.ค.62 ) เจ้าหน้าที่ได้เก็บรักษารถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว จำนวน 4,545 คัน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 3,338 คัน และรถยนต์ 1,207 คัน) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในส่วนรถจักรยานยนต์ 121,031 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคคล 88,323 คน



+++นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึง สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติ ยอดสะสมรวม 6 วัน (27 ธ.ค. 61- 1 ม.ค.62 ) มีจำนวนทั้งสิ้น 6,390 คดี โดยวันที่ 6 ที่มีการควบคุมเข้มงวด ทำให้มีคดีเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติจำนวนน้อย เนื่องจากศาลปิดทำการ ซึ่งมี 119 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา  119 คดี (ยอดสะสม 6 วัน จำนวน 5,903 คดี) ทั้งนี้ไม่มีการจับกุมดำเนินคดีขับเสพ คดีขับรถประมาทและคดีขับซิ่ง โดยจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุรา สูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ จ.ระยอง  76 คดี แพร่ 23 คดี และเชียงราย  16 คดี สำหรับจังหวัดที่มียอดคดีขับรถขณะเมาสุราสะสม (รวม 6 วัน) สูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร  413 คดี มหาสารคาม 411 คดี และสกลนคร 382 คดี



ส่วนที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย พล.ท.สมศักดิ์ สมรักษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก (จก.กร.ทบ.) เป็นประธานแถลงสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. 62 ซึ่งเป็นวันที่หกของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" เกิดอุบัติเหตุ 664 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 89 ราย ผู้บาดเจ็บ 675 คน สำหรับจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือตายเป็นศูนย์ มี 6 จังหวัด ได้แก่ ตาก พังงา แพร่ แม่ฮ่องสอน สตูล และสมุทรสงคราม จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช  109 ครั้ง จังหวัดที่มี ผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา  24 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 127 คน



+++ปิดท้ายกรณีเหตุคนร้าย บุกชิงทรัพย์ภายในธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนพัฒนาการ ปากซอยพัฒนาการ 48  ตำรวจได้จับกุมตัวนายศราวุฒิ สะทิ  อายุ40 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ที่บ้านพักของภรรยาของนายศราวุฒิ ภายใน ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนควบคุมตัวสอบสวน ที่สน.คลองตัน สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า นำเงินที่ได้ก่อเหตุมาทั้งหมดไปใช้หนี้ เนื่องจากติดการพนันอย่างหนัก ซึ่งในช่วงเที่ยงของวันที่ 3 ม.ค.ทางเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในเวลา 11.00 น.  ก่อนส่งตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ข่าวทั้งหมด

X