สรุปข่าว19.30 น.วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2561

07 ธันวาคม 2561, 19:16น.


สรุปข่าว19.30 น.วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2561



+++ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธนบัตรชุดแรกในรัชกาลที่ 10 ชนิดราคา 1,000 บาท ได้รับรางวัล The Best New Banknote Award จากที่ประชุมนานาชาติว่าด้วยการพิมพ์สิ่งพิมพ์มีค่า High Security Printing Asia 2018 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยรางวัลนี้มอบให้กับธนบัตรที่มีการออกแบบโดดเด่นยอดเยี่ยม ด้วยเทคนิคที่ซับซ้อน และมีเทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงพิเศษ



+++คณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพักข้าราชการตุลาการ ได้ประชุมเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 ธ.ค.ที่มี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ประชุม โดยคณะกรรมการฯเห็นสมควรกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาคือ กรณีบ้านพักเดี่ยว 45 หลัง จากรายงานผลการศึกษาในด้านสังคม วัฒนธรรม ด้านนิเวศวิทยา สิ่งแวดล้อม และด้านวิศวกรรม เห็นสมควรไม่ให้มีผู้เข้าพักอาศัยในบ้านพักดังกล่าว โดยมอบให้ จ.เชียงใหม่ กรมธนารักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มณฑลทหารบกที่ 33 และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5ประสานงานกับสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อดำเนินการฟื้นฟูให้เป็นป่าที่สมบูรณ์  โดยทันที พร้อมส่งคืนที่ดินบ้านทั้ง 45 หลังและรื้อถอน ส่วนอาคารชุดที่มีการพักอาศัยอยู่แล้ว ให้ใช้เป็นที่พักอาศัยต่อไป



+++ ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร เร่งรัดการอนุญาตการขอใช้ที่ดินของสำนักงานศาลยุติธรรม บริเวณศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ถนนเด่นห้า – ดงมะดะ ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย (ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ชร.225) เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมที่อยู่อาศัย และขอให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการจัดสรรงบประมาณให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้ในการก่อสร้าง โดยคำนึงถึงความเหมาะสม การใช้จ่ายงบประมาณที่มีเหตุผล และเป็นไปตามความจำเป็น



+++การแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัทผู้ผลิตแปรรูปยางพารา 8 บริษัท ได้แก่ บริษัทผลิตเครื่องนอน อุปกรณ์เกี่ยวกับการแพทย์ ท่อยาง สายยาง สายพานลำเลียง บริษัทผลิตล้อยางรถยนต์ที่มีผู้ประกอบการเป็นคนไทย ว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ให้ความร่วมมือรับซื้อน้ำยางสด ยางแผ่น ยางแท่ง จากสถาบันการเกษตรกรโดยตรง แต่มีปัญหาเรื่องระเบียบจัดซื้อจัดจ้างที่เน้นเรื่องราคาต่ำสุด จึงเสนอขอให้ ปรับแก้ระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ



+++ส่วนราคายางวันนี้ที่ตลาดต่างประเทศทุกแห่งปรับตัวขึ้น 50 สตางค์ ซึ่งสวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ เพราะจากมาตรการเพิ่มการใช้ยางในไทย ทำให้ตลาดกังวลถึงสต็อกยางโลกจะลดลง เนื่องจากปริมาณการผลิตยางคงที่ แต่รัฐบาลไทยส่งเสริมการใช้มากขึ้น จึงส่งผลต่อราคาในตลาดโลกด้วย โดยเฉพาะการนำยางไปทำถนนทุกหมู่บ้าน 7.5 หมื่นแห่ง ที่มีการโจมตีกันมากว่าออกสเปกเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการน้ำยางข้นในกรุงเทพ 9 ราย ยืนยันว่าไม่ได้ใช้น้ำยางข้นทำถนนพาราซอยซีเมนท์ ที่กำลังก่อสร้างขณะนี้ เป็นสูตรพาราซอยซีเมนท์ใช้น้ำยางดิบที่ อปท.ซื้อสถาบันเกษตรกร และวิสาหกิจในท้องถิ่นได้โดยตรง และราคาก่อสร้างจะถูกลงเหลือกิโลเมตรละ1.2 ล้านบาท จาก 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้อปท.ใดที่มีกองช่างก็สามารถก่อสร้างได้เองทำให้เหลือกิโลเมตรละ 9 แสนบาทเท่านั้น



++++หลังCS Global Wealth Report 2018 ระบุว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก  นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.ในฐานะโฆษกสศช. เปิดแถลงข่าวยืนยันว่า ไทยไม่ได้เป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุด เพราะการจัดทำดัชนีชี้วัดของ CS Global Wealth Report ได้คำนวณจากการกระจายความมั่งคั่ง ที่วัดจากการถือครองความมั่งคั่งของประเทศที่พัฒนาแล้ว และนำข้อมูลของประเทศกำลังพัฒนามารวมไปด้วย จึงทำให้ไทยถูกจัดอันดับไปด้วย ซึ่งไม่ได้ถือเป็นมาตรฐานการจัดอันดับตามหลักสากล   จึงขอชี้แจงเพื่อให้ประชาชนและนักลงทุนเกิดความเข้าใจที่ตรงกัน



+++ปัจจุบันไทยมีการจัดทำดัชนีค่าสัมประสิทธิ์ ความไม่เสมอภาคของรายได้ ที่เป็นไปตามมาตรฐานของธนาคารโลก ( World Bank) อยู่แล้ว  โดยรายงานของ World Bank ในปี 2558 ไทยมีอันดับความเหลื่อมล้ำลดลง จากอันดับที่ 46  จากการสำรวจใน 73 ประเทศ มาอยู่อันดับที่ 40 จากการสำรวจใน 60 ประเทศ และในปี 2560  คนไทยมีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ลดลง อยู่ที่ร้อยละ 45.3 จากปี 2550 ที่อยู่ที่ร้อยละ 49.9 ดังนั้นจึงเชื่อว่าจากข้อมูลสถิติดังกล่าว  จะทำให้ในปี 2580 ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ลดลงเหลืออยู่ที่ร้อยละ3.6 และมีความแตกต่างของรายได้ระหว่างคนรวยและจนเหลือเพียง 15 เท่าได้ 



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ (7 ธ.ค.) ที่ระดับ 1,649.99 จุด ลดลง 3.74 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,022.60 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ  ขายสุทธิ 1,159.32 ล้านบาท



+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนซื้อคืนหุ้น หลังจากตลาดปรับตัวลดลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ โดยปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดในวันนี้มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงิน ดัชนีนิกเกอิปิดพุ่งขึ้น 177.06 จุด ที่ระดับ 21,678.68 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดในแดนลบในวันนี้ หลังจากเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การที่ผู้บริหารของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ถูกจับกุมตัวในประเทศแคนาดาตามคำร้องขอของสหรัฐนั้น จะยิ่งจุดปะทุให้สถานการณ์ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทวีความรุนแรงมากขึ้น ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ที่ 26,063.76 จุด ลดลง 92.62 จุด ส่วนหุ้นเอชเอสบีซี ร่วงลงกว่าร้อยละ 1 ในตลาดหุ้นฮ่องกง หลังมีรายงานว่า ธนาคารมีส่วนพัวพันกับการจับกุมตัวผู้บริหารหัวเว่ย



+++ศาลอุทธรณ์  พิพากษาให้ยืนตามศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 5 วัน แต่โทษจำคุกให้รออาญาจำเลยเป็นเวลา 1 ปี และให้ปรับเป็นเงิน 2,500 บาท คดีที่อัยการจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นโจทก์ ฟ้อง นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย อายุ 43ปีหรือ"เสก โลโซ"ร็อคเกอร์ชื่อดังเมืองไทยในข้อหาความผิดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะและยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชนโดยใช่เหตุ เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 29 ธ.ค.2560 หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาเสร็จแล้ว นายเสกสรรได้เซ็นชื่อรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ตำรวจประจำศาลได้คุมตัวนายเสกสรรค์ไปเสียค่าปรับและปล่อยตัวออกจากศาลไปในเวลาต่อมา



+++หลังพล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ฯ ได้ร่วมประชุมกับ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนและสต๊าฟโค้ชทีม "ช้างศึก" เพื่อสรุปผลการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2018 "ซูซูกิ คัพ" และวางแผนงานก่อนลงแข่งขันฟุตบอลเอเชียน คัพ 2019 ในต้นปีหน้า



+++พล.ต.อ.ดร.สมยศ ไม่หนักใจต่อเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ และยืนยันจะทำงานต่อไป โดยได้ บอกกับ ราเยวัช ว่าการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดการทำงานของตัวเขา แต่ในการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียนนั้นจะถือเป็นการชี้วัดว่าเขาจะได้ต่อสัญญากับสมาคมฯ ออกไปอีกหรือไม่ เพราะสัญญาของเราจะหมดลงในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ส่วนตัวต้องการให้ทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียให้ได้ หากไปได้ไกลกว่านั้นก็คือเป็นเรื่องดี  สำหรับทีมชาติไทย จะลงแข่งขันฟุตบอลเอเชียน คัพ 2019 ระหว่างวันที่ 5 มกราคม- 1 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทีม "ช้างศึก" อยู่สายเอ ร่วมกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เจ้าภาพ), บาห์เรน และ อินเดีย

ข่าวทั้งหมด

X