สรุปข่าว19.30 น.วันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2561

04 ธันวาคม 2561, 19:50น.


สรุปข่าว19.30 น.วันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2561



+++หลังนายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุ 4 รมต.ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะตามรัฐธรรมนูญ 2560ไม่ได้บังคับ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า อดีตประธาน กกต. ออกมาพูดเรื่องนี้ในจังหวะเวลานี้ด้วยเป้าประสงค์ใด แม้ว่า ท่านจะเป็นนักกฎหมาย แต่ท่านจะต้องแยกให้ชัดระหว่างความเหมาะสมทางกฎหมาย และความเหมาะสมทางการเมือง



+++ข่าวสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.เริ่มวิ่งเต้นเป็นสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)  นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. กล่าวว่า  ไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว และเห็นว่าข่าวที่ออกมาเป็นการพูดเอง เขียนเอง เพราะสนช.มีสิทธิ์เป็นส.ว.อยู่แล้ว หากมีคุณสมบัติครบและไม่มีลักษณะต้องห้ามก็มีสิทธิได้รับการสรรหา ขณะนี้ต้องรอขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการสรรหาก่อน เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการสรรหากับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ส่วนการหาสถานที่ประชุมสนช. แห่งใหม่ เนื่องจากต้องย้ายออกจากรัฐสภาเดิมภายในสิ้นปีนี้ นายพรเพชร กล่าวว่า อยู่ระหว่างการหารือของคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.เป็นผู้รับผิดชอบ



+++คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการช่วยเหลือและสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ปี2561 - 2562 โดยได้ปรับเนื้อที่ให้ความช่วยเหลือลงจากเดิม 10,039,672 ไร่ เหลือ 9,448,447 ไร่ แต่จำนวนเกษตรกรเจ้าของสวนยางอยู่เท่าเดิม คือ 999,065 ราย และคนกรีดยาง 304,266 ราย ทำให้วงเงินที่ใช้ในโครงการปรับลงเหลือ 17,512 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอมา 18,604 ล้านบาท โดยเกษตรกรจะได้รับความช่วยเหลือไร่ละ 1,800 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ เจ้าของสวนยางได้รับเงิน 1,100 บาทต่อไร่ และคนกรีดยางได้รับ 700 บาท ระยะเวลาดำเนินการ 10 เดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.61 - ก.ย.62



+++ส่วนเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ครม.เห็นชอบ จ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ในอัตราไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 22,500 บาท วงเงินรวม 3,458 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณที่จะจ่ายให้เกษตรกรวงเงิน 3,375 ล้านบาท, งบประมาณชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส.จำนวน 73.4 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าธรรมเนียมโอนเงินของ ธ.ก.ส.วงเงิน 1.5 ล้านบาท และงบบริหารโครงการ 8.3 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 เดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.61 - ก.ย.62



+++เจ้าหน้าที่เร่งติดตามไล่ล่าตัว นายอาณัติ อุดดี อายุ 34 ปี คนงานก่อสร้าง ผู้ต้องหาคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวนิวซีแลนด์ อายุ 29 ปี บริเวณที่ก่อสร้างตรงข้ามวัดราชบพิธ ถนนเฟื่องนคร มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทางตำรวจ กก.สส.บก.น.6 และตำรวจท่องเที่ยว สามารถติดตามจับกุมตัว นายอาณัติ ได้ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน หมู่บ้านทุ่งกลมตาลหมัน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังจากแอบมากบดานได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ต้องหาพยายามติดต่อญาติพี่น้อง จึงประสานความร่วมมือติดตามสัญญาณจากโทรศัพท์มาถือ จนกระทั่งมาถึงสถานที่ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมบ้านเช่าเอาไว้ก่อน จากนั้นก็เรียกตัวผู้ต้องหาออกมาพูดคุยก่อนเข้าจับกุมไว้ได้ทันที หลังจากนี้จะได้นำตัวกลับไปสอบสวนต่อหน้าตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่กก.สส.บก.น.6 และจะมีการแถลงข่าวความชัดเจนทางคดีในวันพรุ่งนี้ (5 ธ.ค.)



+++ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องในคดีที่น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ  น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการและน.ส.ราณี แสงหยกตระการ หรือป้าทุบรถ ผู้พักอาศัยในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่กรุงเทพมหานครละเลยปล่อยให้เกิดตลาดรอบพื้นที่บ้านก่อความเดือดรำคาญ ยื่นฟ้องขอให้ศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนประกาศข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างดัดแปลง ใช้ หรือ เปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบสวนหลวง ร.9



+++น.ส.รัตนฉัตร กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาว่า กล่าวว่า แม้ศาลจะยกฟ้อง แต่ในเนื้อหาของคำพิพากษาระบุให้ดัดแปลงการใช้พื้นที่ต้องยึดประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 และพ.ร.บ.จัดสรรการจัดสรรที่ดิน 2543  รวมถึงรายละเอียด แผนผังโครงการ สัญญาแนบท้ายการจัดสรรที่ดิน โฉนดของผู้ถือครองที่ดินเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นการคุ้มครองประชาชนผู้อยู่อาศัยได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่สามารถวางใจได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเสรีวิลล่าเกิดจากคนที่ไม่รักษากฎหมาย อาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนผู้อยู่อาศัยโดยรอบสวนหลวงร. 9 จะต้องคอยตรวจสอบการปฏิบัติของกทม. หากว่ามีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและกระทบสิทธิของตนเองก็ต้องออกมาต่อสู้ อย่าละเลย ต้องออกมาเรียกร้องปกป้องสิทธิของตนเอง เพราะไม่เช่นนั้นทุกคนจะเดือดร้อนถาวรตลอดไป 



+++นายกลินท์ สารสินประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประเมินเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี61 เติบโตชะลอลงจากช่วงครึ่งปีแรกจากการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศปรับตัวดีขึ้น ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปี 61 เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวดีขึ้น จากแรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการส่งออกที่เติบโตสูงขึ้น กกร. จึงคาดเศรษฐกิจปี61 จะยังขยายตัวไม่ต่ำกว่ากรอบล่างของประมาณการร้อยละ4.4  เช่นเดียวกับการส่งออกที่คาดจะยังเติบโตได้ในกรอบล่างของประมาณการที่ร้อยละ8.0



++++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,672.32 จุด ลดลง 0.29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,615.63 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวพักฐาน หลังจากเมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นไปแรงตอบรับข่าวสหรัฐ-จีนพักรบสงครามการค้าชั่วคราว แต่ยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ปัจจัยที่จะต้องติดตามเป็นการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ และวันที่ 7 ธันวาคมจะมีการประชุมพรรคการเมือง ซึ่งก็จับตาประเด็นปลดล็อกการทำกิจกรรมทางการเมือง



+++ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีนิกเกอิปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 7 วันทำการก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้งปิดตลาดลดลง 538.71 จุด ที่ระดับ 22,036.05 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อในช่วงท้ายตลาด หลังจากที่ปิดตลาดเช้าในแดนลบ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับโอกาสที่สหรัฐและจีนจะสามารถแก้ไขข้อพิพาททางการค้าปิดตลาดเพิ่มขึ้น 78.40 จุด ที่ 27,260.44 จุด



+++หลังจากครอบครัว “พิศาล อัครเศรณี” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าก่อนที่ผู้กำกับรุ่นใหญ่จะเสียชีวิต ได้มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง ก่อนจะมีอาการหายใจไม่ออกและเกิดอาการน็อก แม้แพทย์ปั๊มหัวใจนานกว่า 3 ชั่วโมงก็ไม่อาจยื้อไว้ได้ นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัต อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ เคยให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจวาย หรือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) ไว้ว่าเกิดขึ้นจาก “ความผิดปกติของหลอดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นขณะหลอดเลือดแดงโคโรนารี (Coronary Artery) เกิดการอุดตันอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้ไม่สามารถส่งผ่านเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจได้ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนจะเริ่มตาย หากไม่รีบเปิดทางเดินของหลอดเลือดกล้ามเนื้อหัวใจจะถูกทำลายมากขึ้น และหัวใจก็จะหยุดทำงาน” ซึ่งอาการบอกเหตุของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายที่สามารถสังเกตได้มีดังนี้ปวดร้าวไปที่แขนข้างเดียว หรือทั้งสองข้างไปจนถึงคอและกราม”ส่วนมากมักจะเกิดร่วมกับอาการอื่นๆ



+++นอกจากอาการเจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรหนักๆมากดทับ หรือจุกแน่นหรือแสบบริเวณลิ้นปี่ เช่น เหงื่อออก หายใจหอบ คลื่นไส้ หน้ามืด ใจสั่น ผู้ป่วยต้องรีบไปพบแพทย์หรือเรียกรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาลทันทีในระยะเวลาภายใน 4 ชั่วโมง เพื่อฟื้นฟู ทำการรักษาให้เลือดไหลกลับไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโดยเร็วที่สุด ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดราวร้อยละ 50 เสียชีวิตภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ เพราะฉะนั้นทั้งผู้ป่วยและคนรอบข้างจำเป็นต้องทราบว่าอาการใดที่เป็นสัญญาณเตือนบ้าง แม้แต่เพียงสงสัยก็ไม่ควรรอช้า

ข่าวทั้งหมด

X