อธิการบดี ม.รังสิต เสนอใช้ ม.44 ปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด ให้เป็นการแพทย์ที่ปชช.เข้าถึงได้

การเสนอแนวทางปลดล็อคกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เสนอขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้คำสั่งอำนาจตามมาตรา 44 ปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดให้เป็นการแพทย์ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ใช่การแพทย์สากลเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ กฎหมายของการปลดล็อคกัญชา มีความซับซ้อนหลายเรื่อง จึงเห็นว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีและเหมาะสมที่หัวหน้า คสช.จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไม่ใช่ใช้คำสั่งไปเพื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ เพราะคำสั่งดังกล่าว มีขึ้นเพื่อแก้ไขกฎหมายที่ยุ่งยาก ให้มีความรวดเร็ว มองว่ากฎหมายการปลดล็อคกัญชา เพื่อการแพทย์ที่ดำเนินการอยู่ไม่เพียงพอ แต่ละฝ่าย ยังคงมีข้อจำกัด ทำให้เกิดความล่าช้า เสียโอกาสในการรักษาผู้ป่วย อีกทั้งในระบบแพทย์แผนไทย ยังถูกตัดสิทธิ์ทำให้ไม่สามารถพัฒนาได้ พร้อมเสนอว่าการปลูกกัญชา ควรปลูกในระบบปิดที่ควบคุมให้ได้มาตรฐาน โดยประชาชนรายย่อยมีโอกาสทำมาหากินสร้างรายได้ เพื่อผลประโยชน์ต่อส่วนรวมไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง

อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึง กรณีที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา อนุญาตให้บริษัทต่างชาติ จดสิทธิบัตรกัญชา ว่า หากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ไม่เพิกถอนการขอจดสิทธิบัตรจากต่างชาติ อาจดำเนินการฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในกรณีดังกล่าว

ขณะเดียวกัน วันนี้ยังได้มีการอ่านแถลงการณ์ สาระสำคัญ คือ ไม่ให้มีการผูกขาดใช้ประโยชน์จากกัญชาไว้เฉพาะทางราชการ ต่างชาติ หรือเอกชนรายใดรายหนึ่ง ต้องให้ประชาชนมีสิทธิใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เป็นการทั่วไป ให้ยกเลิกคำขอการจดสิทธิบัตรกัญชาทุกฉบับ เพราะตอนนี้มีชาวต่างชาติ ยื่นจดสิทธิบัตรไปแล้ว

มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ติดต่อขอจดอนุสิทธิบัตรนวัตกรรมการสกัดกัญชา กลับไม่ได้รับอนุญาตโดยอ้างว่ากัญชายังอยู่ในบัญชียาเสพติด เป็นการกีดกันคนไทยและเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะนักวิจัยและกลุ่มทุนกัญชาต่างชาติเท่านั้น สร้างอุปสรรคการสร้างนวัตกรรมและการวิจัย และปลดล็อคการใช้กัญชาให้แพทย์แผนไทย เพื่อสืบสานมรดกการแพทย์ภูมิปัญญา โดยเตรียมส่งถ้อยแถลงการณ์นี้ไปยังนายกรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผู้สื่อข่าว: เกตุกนก ครองคุ้ม