กมธ.การกีฬา สนช. หารือร่างพ.ร.บ.กีฬามวย ตามหลักสากล คุ้มครองสิทธิเด็ก

การพิจารณาปรับแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับกีฬา โดยเฉพาะการปรับแก้ร่างพระราชบัญญัติกีฬามวยไทยพล.อ.อดุลยเดช อินทะพงษ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ระบุว่า ปัจจุบันมวยไทย ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายที่ทันสมัยเข้ามากำกับดูแลและมีบทบัญญัติที่ชัดเจนในการเล่นกีฬามวยไทย จึงเป็นที่มาของร่างพระราชบัญญัติกีฬามวยไทยฉบับนี้ที่เป็นการปรับแก้ไขเพิ่มเติมจากปี 2542 โดยร่างดังกล่าวได้บัญญัติเพิ่มเติมในเรื่องคณะกรรมการกีฬามวยที่จากเดิมจะมีคณะกรรมการที่มาจากตำแหน่งและการแต่งตั้ง แต่ร่างใหม่กำหนดให้ต้องมาจากการเลือกตั้ง, การบัญญัติบังคับให้ขึ้นทะเบียนนักกีฬามวยไทย เนื่องจากมีการขึ้นทะเบียนน้อยมาก พบว่านักกีฬามวยไทยอาชีพ 100,000 คน ขึ้นทะเบียนถูกกฎหมายเพียง 10,000 คนเท่านั้น รวมถึงการฝึกนักกีฬามวยไทยจะต้องฝึกให้สอดคล้องกับระดับอายุของนักกีฬา ห้ามหักโหม ฝึกเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ เพื่อป้องกันปัญหาด้านสุขภาพ

ด้านนายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สนช. เปิดเผยถึงสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ว่ามีอยู่ 2-3 ประเด็นหลักๆ ประเด็นแรก คือ การพัฒนาและยกระดับกีฬามวยไทยให้เป็นกีฬา และกำหนดให้เด็กที่อายุไม่เกิน 12 ปี ไม่ให้ชกมวยอาชีพ ชกได้เพียงมวยสมัครเล่นเท่านั้น ทั้งเด็กจะต้องเรียนรู้กีฬามวยไทยที่ถูกต้องตั้งแต่เล็ก โดยจะนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยด้วย เพราะเห็นว่ามีประโยชน์และถูกหลักตามการเล่นกีฬา ประเด็นที่สอง คือ การชกมวยจะต้องปฏิบัติตามหลักกีฬาสากลและหลักทางกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานเด็กและการกีฬา ซึ่งจะมีการปกป้องและคุ้มครองสิทธิเด็กให้ไม่ถูกเอาเปรียบจากการชกมวย ประเด็นสุดท้าย คือ การพัฒนาผู้ฝึกสอน และกรรมการที่ชี้ขาดบนเวทีให้เป็นไปตามมาตรฐานหลักกีฬาสากล

คณะกรรมมาธิการฯได้คุยกับการกีฬาแห่งประเทศไทย(กทท.) เพื่อจะช่วยหารายได้เสริมให้นักกีฬาอีกทาง พร้อมย้ำว่าร่างพ.ร.บ.นี้ไม่มีเจตนาขัดขวางกีฬามวยไทย เพียงแต่ต้องนำมวยไทยเข้าสู่กระบวนการพัฒนาที่มีระบบ สนช. ได้เสนอร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ไปให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาแล้ว คาดว่าครม.จะเห็นชอบและส่งกลับมาให้สนช.ได้ภายในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ และกฎหมายจะผ่านสภาได้ก่อนสนช.หมดวาระ ทั้งนี้ สนช.สามารถรับร่างกฎหมายต่างๆจากครม.ได้ถึงวันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันสุดท้าย หากมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562

ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร