ภาคเอกชน เร่งลงทุนธุรกิจผลิตก๊าซอุตสาหกรรม รองรับการขยายตัว เขตพัฒนาศก.พิเศษ EEC

การลงนามความร่วมมือในการจัดตั้ง “บริษัท อมตะบีไอจีอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือ ABIG” ระหว่าง บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือ บีไอจี (BIG) และบริษัท อมตะคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) โดยมีนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เป็นสักขีพยาน พร้อมระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดจากโรงงานที่อยู่ในอมตะ มีจำนวนมาก มีความต้องการในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภคต่างๆ จึงมีความต้องการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในนิคมอมตะ ให้มีสินค้าที่มีคุณภาพ มีราคาลดลง และให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีนายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG) เปิดเผยว่า การลงนามวันนี้เพื่อร่วมดำเนินธุรกิจผลิตก๊าซอุตสาหกรรม ป้อนเข้าสู่ภาคการผลิตให้กับผู้ประกอบการ รองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นภายใต้นโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา

โดยบริษัท บีไอจี ถือหุ้น ร้อยละ 51 ส่วนบริษัท อมตะฯ ถือหุ้นร้อยละ 49 ซึ่งบีไอจี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตและจำหน่ายก๊าซอุตสาหกรรมของประเทศไทย ขณะที่อมตะเป็นผู้พัฒนาอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศ และมีสถานที่ตั้งเป็นศูนย์กลางของทางภาคตะวันออก โดยมั่นใจว่าจะสามารถรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนความคืบหน้าของ ABIG ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งในระยะแรกจะผลิตก๊าซไนโตรเจนเกือบ 5 หมื่นตันต่อปี ใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท จะจำหน่ายและจัดส่งก๊าซอุตสาหกรรมด้วยท่อส่งก๊าซที่ต่อตรงไปถึงโรงงานลูกค้า ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะชิตี้ ชลบุรี พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมโดยรอบ และพื้นที่อื่นๆ ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกที่จะขายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทคโนโลยี ซึ่งจะอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะสหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัย ลดต้นทุนด้านการผลิตในระยะยาว   คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1 ของปี 2562 และเชื่อว่าธุรกิจนี้จะเติบโตร้อยละ 5-6 ต่อปี ซึ่งจะมีอุตสาหกรรมยางรถยนต์ เป็นอุตสาหกรรมหลักในการใช้ก๊าซไนโตรเจน ส่วนการร่วมมือในเฟด 2 จะเป็นก๊าซออกซิเจน ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย

ด้านนายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะสร้างความเชื่อมั่นและได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ในจังหวัดชลบุรี ระยอง ที่มีมากกว่า 1,000 โรงงานในปัจจุบัน และกำลังจะขยายตัวมากขึ้นจากนโยบายการพัฒนาพื้นที่ EEC โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ภายใต้การส่งเสริมของรัฐบาล 5 กลุ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมผลิตหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมขนส่งที่ให้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการอีคอมเมิร์ส และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร  รวมทั้งจะมีการขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กลุ่มประเทศ CLMV หรือประเทศในกลุ่ม ASEAN ที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่องและยังมีแร่ธาตุทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีค่าจ้างแรงงานไม่สูง โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม