สภากาชาดไทย แนะบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอปีละ 2 ครั้ง

การบริการโลหิต ของสภากาชาดไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. แพทย์หญิงจารุพร พรหมวงศ์ รองศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ระบุว่า ศูนย์บริการโลหิต มีภารกิจ 3 ด้าน คือ การจัดหาโลหิต ผลิตภัณฑ์จากพลาสมา เซลล์ต้นกำเนิด โดยการจัดหาโลหิต ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดหาโลหิตที่มีคุณภาพ จากการบริจาคโดยไม่รับสิ่งตอบแทน ตามมาตรฐานควรจะได้รับบริจาคโลหิตให้ได้ร้อยละ 3 ของประชาชน ซึ่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประสบความสำเร็จในการรับบริจาคโลหิต เพราะได้รับบริจาคถึงร้อยละ 14 ของจำนวนประชากร ขณะที่ปริมาณเลือดของกรุงเทพมหานครจะต้องส่งไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดถึงร้อยละ 40 เพราะในต่างจังหวัดมีการบริจาคโลหิตต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน สภากาชาดไทย จึงจัดตั้งหน่วยบริจาคโลหิตในต่างจังหวัดมากขึ้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. แพทย์หญิงจารุพร ยอมรับว่า ปัจจุบันมีการใช้โลหิตเพิ่มมากขึ้น ปีละร้อยละ 5 เพราะขณะนี้สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีการผ่าตัดเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเกิดอุบัติเหตุก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน 

ตอนนี้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ มีความต้องการโลหิตกรุ๊ป O, A เพิ่มเติม และโลหิตหายาก RH Negative ที่เจอเพียง 3 ใน 1,000 ขณะที่ในประเทศไทยมีผู้มีกรุ๊ปโลหิตหายากอยู่ 6,000 คน แต่มีผู้มาบริจาคสม่ำเสมอเพียง 3,000 คนเท่านั้น จึงขอประชาสัมพันธ์กับผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปหายาก ให้มาบริจาคโลหิตให้มากขึ้นด้วย ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ประชาชนนิยมมาบริจาคโลหิตในช่วงเทศกาล แต่ผู้ป่วยต้องการโลหิตทุกวัน ขณะที่ผู้บริจาคโลหิต จะพบว่าร้อยละ 55 บริจาคปีละครั้ง หากเปลี่ยนมาบริจาคปีละ 2 ครั้ง จะทำให้เพิ่มโลหิตได้เท่าตัว 

สำหรับแนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ของหน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ดำรง เหรียญประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย ระบุว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องสุขภาพที่พบมาก คือ โรคไม่ติดต่อ เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง โรคไต หัวใจ ดังนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เพื่อป้องกันโรค การส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ผู้ปฏิบัติงาน ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย รวมทั้งปฏิบัติตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ผ่านมา ได้ลงไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ไม่จำกัดศาสนา และให้ความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง และการใช้ชีวิต เพื่อให้เป็นเด็ก และเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป

...

ผสข.ปภาดา  พูลสุข