เสนอครม.ขยายเวลาใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินใต้ต่ออีก3 เดือน/ปภ.เตือนใต้ฝนเพิ่มขึ้นอีก/คลัง คาดจีดีพีปีหน้าโต4.5%

15 ธันวาคม 2560, 11:43น.


+++นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน เศรษฐกิจไทย ปี 2018 ท่ามกลางศึกนอกและศึกใน คาดราคาน้ำมันดิบปี 2561 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเฉลี่ย 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีนี้เล็กน้อยที่ราคาเฉลี่ย 52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  สถานการณ์พลังงานโลกมองว่ายังมีพลังงานเพียงพอกับความต้องการ ประกอบกับมีพลังงานทางเลือกหรือพลังงานทดแทนเข้ามาช่วยหนุน และคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯปีหน้าจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 



+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประเมินเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะดีขึ้น โดยการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายของภาครัฐถือว่าเป็นกลไกสำคัญช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของกรอบวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน และมีสัดส่วนการลงทุนถึงร้อยละ 50 ของการลงทุนภาครัฐทั้งหมด เพื่อให้เม็ดเงินของรัฐวิสาหกิจช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมคาดจีดีพีปีหน้าขยายตัวร้อยละ 4.5 ขณะที่ ปีนี้คาดจีดีพีขยายตัวร้อยละ 3.9 ถึงร้อยละ 4 



+++ปัญหาพืชผลทางการเกษตร นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ธ.ค.จะเชิญนายกฤษฎา บุญราช  รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมจัดทำแผนเร่งด่วนกับพาณิชย์จังหวัด,เกษตรจังหวัดและสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศในการผลักดันปัญหาราคาสินค้าเกษตรแบบครบวงจร ทั้งราคายางพารา,ปาล์ม,ข้าว,มันสำปะหลังและผลไม้ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างแก้ปัญหาทำให้ราคาสินค้าเกษตรไม่มั่นคง เบื้องต้น เน้นการส่งเสริมด้านพันธุ์พืช พื้นที่เพาะปลูก การทำเกษตรแปรรูป การสร้างตราสินค้า และการหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ พาณิชย์จังหวัด,เกษตรจังหวัดและสหกรณ์มีข้อมูลที่สมบูรณ์อยู่แล้ว แต่หากไม่มีการบูรณาการร่วมกันก็จะไปกันคนละทิศคนละทาง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้หารือกับรมว.เกษตรและในที่สุดจึงเป็นที่มาในการประชุมร่วมกันทั้งสองกระทรวง ดังนั้นมั่นใจว่าเมื่อมีการทำแผนและทำงานร่วมกันจะช่วยผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรค่อยๆฟื้นตัวและอยู่ในระดับที่เกษตรกรค่อนข้างพอใจแน่นอน



+++กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี รวม 20 อำเภอ 152 ตำบล1,194 หมู่บ้าน จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 16 – 22ธ.ค. 2560 ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ปภ.ได้ประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย



+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน(กบฉ.) ครั้งที่ 3 /2560 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้น พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่จ.นราธิวาส ยะลา และจ.ปัตตานี ยกเว้น อ.แม่ลาน ออกไป 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2560 ถึงวันที่ 19 มี.ค. 2561 เพื่อใช้เป็นเครี่องมือของรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อย และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งสามารถสนับสนุนการพัฒนางานต่างๆในพื้นที่ โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบในวันที่ 19 ธ.ค.นี้



+++พล.อ.วัลลภ กล่าวว่า นอกจากนี้ได้หารือถึงการเตรียมปรับลดพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยหน่วยงานพื้นที่และหน่วยปฏิบัติอื่นๆจะพิจารณาโดยรับฟังความเห็นจากประชาชนด้วย ซึ่งจะมีการพูดคุยในครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร เน้นย้ำให้ดูแลเรื่องการพัฒนาพื้น รวมทั้งปากท้องของประชาชนให้อยู่ดีกินดีด้วย



+++กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย เปิดเผย ผลสรุปการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่างประเทศสหภาพยุโรป(อียู) ที่ตกลงจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศไทยในทุกมิติ อันเป็นผลมาจากการมุ่งมั่นทำงานของรัฐบาลที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่อาจรวมถึงโอกาสในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางด้านการค้าและการลงทุนอีกด้วย นายพงษ์ภาณุ  เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มั่นใจว่า จากปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับเดือนธันวาคมนี้ เป็นเดือนแห่งความสุขของการเฉลิมฉลองวันหยุดยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ จะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลจากทั่วโลก หนีหนาวมาเที่ยวในเมืองไทยอย่างมากมาย ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกด้วย



+++นอกจากนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการรองรับและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างเต็มที่ ทั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center) และตำรวจท่องเที่ยวที่ประจำอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวในทุกวันเวลาสถานที่ ขอให้คนไทยทุกคนเตรียมพร้อมในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยววิถีไทย หรือ Amazing Thailand Tourism Year 2018 อย่างอบอุ่นเกิดความประทับใจในทุกที่ที่นักท่องเที่ยวไปเยือน เพราะจุดมุ่งหมายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คือต้องการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ทั่วถึง และกระจายสู่สังคมอย่างเท่าเทียม



แฟ้มภาพ 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X