รบ.เข้มข้นข่าวเชิงรุกช่วงปีใหม่/กองทัพ แถลงผลสอบน้องเมย/อุตุฯเผย17ธ.ค.กทม.สัมผัสลมหนาว

15 ธันวาคม 2560, 06:51น.


+++นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 16-22 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นลงโดยทั่วไปกับมีลมแรง อุณหภูมิลดลง 4-6 องศาเซลเซียส โดยเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ในวันแรกวันที่ 16 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่งผลทำให้ในสัปดาห์หน้ามวลอากาศจะเย็นลงต่อเนื่องถึงวันที่ 22 ธ.ค.และอาจเห็นว่าในพื้นที่สูงทางภาคเหนือและอีสานอุณหภูมิเหลือเลขตัวเดียว



+++สำหรับภาคใต้ จะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณ จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ประชาชนชายฝั่งภาคใต้ ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง



+++การเตรียมพร้อมกำหนดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนและมาตรการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงเทศกาลปีใหม่พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 1 ของการสูญเสียจากอุบัติเหตุ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุในช่วง 2-3 ปีในพื้นที่เสี่ยง ที่เกิดปัญหาบ่อยครั้ง กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและความไม่สงบในพื้นที่ ด้วยการบังคับใช้กฎหมาย สั่งให้หน่วยข่าวกรอง เพิ่มมาตรการเข้มข้นด้านการข่าวเชิงรุก โดยเฉพาะเรื่องการเคลื่อนย้ายสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด เน้นย้ำให้เพิ่มมาตรการความปลอดภัย โดยให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัว เฝ้าระวังตามจุดเสี่ยง รวมทั้งด้านการคมนาคมให้เข้มงวด ดูแลสถานีขนส่ง ท่าน้ำ ท่าเรือและแหล่งชุมชน  โดยเฉพาะพื้นที่ที่จะจัดงานเคาท์ดาวน์และพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ โดยให้ตั้งศูนย์อำนวยการบูรณาการ จัดทำแผนเผชิญเหตุรวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดและไฟส่องสว่างให้พร้อมใช้งานเสมอ



+++พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งหยุดการเดินรถบรรทุก ให้หลีกเลี่ยงการใช้ถนนเส้นทางหลัก สำหรับกระทรวงมหาดไทยให้เพ่งเล็ง 100 อำเภอเสี่ยง และดูแลด่านตรวจท้องถิ่นและเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ รวมทั้งย้ำการทำงานในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย



+++เรื่องการกวาดล้างยาเสพติด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) แถลงจับ 2 ผู้ต้องหา คือ นายพรเทพ มีนาค อายุ 31 ปี และ นายสุรัตน์ชัย ขำภักดี อายุ 31 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 5 ล้าน 370,000 เม็ด และไอซ์ 120 กิโลกรัม พร้อมอาวุธปืน โทรศัพท์มือถือและรถยนต์ เนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับรายงานจากสายลับว่าผู้ต้องหา 2 คน มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ในพื้นที่ ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ชุดจับกุมขยายผลสะกดรอยตาม จนทราบข้อมูลว่าผู้ต้องหาเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ จำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เช่าบ้านเลขที่ 64/157 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย เป็นที่เก็บยาเสพติด



+++เจ้าหน้าที่สะกดรอยดูความเคลื่อนไหวจนกระทั่งเวลา 23.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. เห็นผู้ต้องหา นำรถกระบะบรรทุกปิดทึบมิดชิดมาจอดที่บ้านเลขที่ดังกล่าว จากนั้นช่วยกันยกถุงพลาสติกสีดำเข้าไปภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวทำการตรวจค้น พบเป็นยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในรถกระบะและภายในบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจนับพบว่ามียาบ้าซุกซ่อนภายในรถจำนวนกว่า 2ล้าน500,000 เม็ด และซุกอยู่ภายในบ้านอีกจำนวน 2 ล้าน870,000 เม็ด และไอซ์อีก 120 กิโลกรัม และพบอาวุธปืนอีกจำนวนหนึ่ง จากการสอบสวนผู้ต้องหาคนที่ 1 รับสารภาพว่าซื้อปืนมาจากเพื่อนสมัยเรียนเป็นเวลานานแล้ว ส่วนผู้ต้องหารายที่ 2 รับสารภาพว่า ได้รับจ้างผู้ต้องหารายที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมาช่วยขับรถขนยาเสพติด หนึ่งในผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดเมื่อปี 2555 หลังจากนั้นพ้นโทษออกมาก็มาก่อเหตุซ้ำ



+++ผบ.ตร. กล่าวว่า การตรวจยึดจับกุมในช่วง 3 สัปดาห์ ยึดยาบ้าได้ถึง 26 ล้านเม็ด คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยึดไอซ์ได้กว่า 130 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท



+++การสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 หลังจากที่มีการส่งผลการสอบสวนให้พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ไปแล้วเมื่อเย็นวันพุธที่ 13 ธ.ค. วันนี้ 11.00 น. พล.อ.อ. ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จะมีการแถลงรายละเอียดเพิ่มเติม



+++ด้านนายสมณ์ พรหมรส ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ชี้แจงถึงการส่งอวัยะภายในของนายภคพงศ์ ไปตรวจที่รพ.รามาธิบดี ว่าผลการชันสูตรแบ่งเป็น 2 ส่วน ผลการชันสูตรสภาพภายนอกและบาดแผลตามร่างกาย ซึ่งสถาบันได้ส่งผลชันสูตรศพกลับไปให้พนักงานสอบสวนและญาติเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ส่วนการตรวจอวัยวะภายในได้ตรวจดีเอ็นเอแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่สามารถสกัดดีเอ็นเอในอวัยวะที่แช่ในน้ำยาฟอร์มาลินเป็นเวลานานได้ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจสัปดาห์ที่แล้ว จึงส่งอวัยวะดังกล่าวไปที่รพ.รามาธิบดี เพื่อให้ตรวจยืนยันอีกครั้งว่าสามารถสกัดสารดีเอ็นเอได้หรือไม่ ซึ่งผลการตรวจจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จึงขอให้โรงพยาบาลเร่งตรวจสอบโดยเร็ว ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาภายในที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าน้ำยาตรวจสกัดดีเอ็นเอหมดสต็อก ส่วนการตรวจสอบที่ไม่ทราบผลถือว่าสถาบันพยายามตรวจเท่าที่ศักยภาพเราจะทำได้แล้ว



+++การยื่นเรื่องให้ตรวจสอบนาฬิกาและแหวนเพชรของพล.อ. ประวิตร  วันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ปช.) อีกครั้ง เป็นการนำพยานหลักฐานยื่นเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช. สมาคมรวบรวมหลักฐานภาพถ่ายการสวมใส่นาฬิกาของพล.อ.ประวิตร ทั้งหมด ไปยื่นให้กับ ป.ป.ช. ด้วย เพื่อให้มีการตรวจสอบว่ามีการจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่ รวมทั้งข้อสงสัยเรื่องความร่ำรวยผิดปกติมีข้อเท็จจริงอย่างไร



+++ออกวิ่งตั้งแต่เช้าสำหรับ นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม และทีมงานในโครงการ ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ วันที่ 15 ธ.ค.เข้าสู่การวิ่งวันที่ 45 เซตแรก ลานมันพันธุ์ธุมิตร หมู่บ้านแสงตะวัน - รพ.วังเจ้า ระยะทาง 19 กิโลเมตร ส่วนเซตที่ 2  รพ.วังเจ้า - หมวดทางหลวงหนองบัวใต้ ระยะทาง 13.9 กิโลเมตร โดยจะไปสิ้นสุดที่ บ้านคุณหมอเดียว ต.ไม้งาม อ.เมือง จ.ตาก รวมระยะทาง 55.80 กิโลเมตร โดยบรรยากาศทั่วไปมีแฟนคลับ มารอให้กำลังใจท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และมอบเงินบริจาคตลอด 2 ข้างทาง โดยแต่ละคนต้องใส่เสื้อกันหนาวมายืนรอพี่ตูน ยอดเงินบริจาคล่าสุด อยู่ที่กว่า 814 ล้านบาท ส่วนยอดเงินประมูลรองเท้าวิ่งทั้ง 4 คู่ ทำยอดเงินเข้าโครงการได้กว่า 6 ล้านบาท



แฟ้มภาพ 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X