ปปช.ท้วงติงร่างพรป.หลายประเด็น /ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯเดือนก.ย.86.7/พ่อนรต.ยื่นอุทธรณ์หลังศาลแพ่งสั่งจำเลยชดเชยเงิน2.7ลบ.

18 ตุลาคม 2560, 12:39น.


ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30 น.



++++ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวว่า คณะกรรมการป.ป.ช.ส่งเรื่องกลับมายังกรธ.แล้ว และสิ่งที่จะให้แก้ไข ส่วนใหญ่เป็นเรื่องขั้นตอนการปฏิบัติ ระยะเวลา และอำนาจ โดยป.ป.ช.เห็นว่า ระยะเวลาที่กรธ.กำหนดในเรื่องต้องไต่สวนภายใน7วันหลังรับเรื่อง หรือกรณีถ้าไต่สวนแล้วพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ผิดจะต้องแจ้งกลับเขาภายใน7วันนั้น ป.ป.ช.เห็นว่าอาจทำไม่ทัน ซึ่งแต่เดิมกรธ.ก็คิดว่ากำหนดไว้พอสมควรแล้ว ดังนั้นจึงเห็นว่าเมื่อถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วก็ให้ป.ป.ช.ไปแก้ไข แต่ถ้านานไปประชาชนจะบ่นได้ อย่างไรก็ตาม สืบเนื่องจากร่างพ.ร.ป.ฉบับดังกล่าว เขียนรองรับในกรณีที่สำนักงานตรวจการแผ่นดิน(สตง.)พบการทุจริตให้ส่งเรื่องมายังป.ป.ช.ได้ด้วยนั้น ทางป.ป.ช.ท้วงว่า จะทำให้กระทบอำนาจของเขา ซึ่งกรธ.เห็นว่าเรื่องนี้รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จึงทำอะไรไม่ได้ อีกทั้งไม่ถือว่าเป็นการตัดอำนาจป.ป.ช.แต่อย่างใด เพราะเขายังเป็นผู้พิจารณาเหมือนเดิม



+++ส่วนมีอะไรที่กรธ.ไม่สามารถแก้ไขให้ป.ป.ช.ได้บ้าง นายมีชัย กล่าวว่า ยังพิจารณาข้อท้วงติงไปได้ครึ่งเดียว เพราะป.ป.ช.ส่งมาเยอะมาก เกือบทุกมาตรา ดังนั้น กรธ.จึงต้องใช้เวลาแต่ยังไงก็ต้องทัน และจะไม่ชะลอการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. แน่นอน โดยขณะนี้เราได้ส่งไปยังเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ดู เพื่อจะได้พิจารณาว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน



+++นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2560 อยู่ที่ 86.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.0 ในเดือนสิงหาคม โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากเดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 86.4   ผู้ประกอบการมีมุมมองบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ จากปัจจัยบวกยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เพื่อส่งมอบในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่การบริโภคภายในประเทศเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นจากยอดคำสั่งซื้อภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน  ดัชนีความเขื่อมั่นของอุตสาหกรรมทั้งขนาดย่อม ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ปรับขึ้นทั้งหมด ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 102.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมที่ระดับ 101.9 เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีทิศทางดีขึ้นทั้งจากการบริโภคภายในประเทศ การส่งออก การลงทุนและการใช้จ่ายของรัฐ  ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ เช่น ช้อปช่วยชาติ ท่องเที่ยวช่วยชาติ เหมือนปีที่แล้ว พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต เพื่อลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ส่วนข้อกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงเรื่องกำลังซื้อของภาคเกษตรและปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน



+++ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาให้ บริษัทอุตสาหกรรมการบินฯ จำเลยที่ 2 และนายวัชรพงษ์ วงศ์สุบรรณ พนักงาน ผู้จัดหาสายสลิง จำเลยที่ 9 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2,750,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีในคดี นายสาธร พุทธชัยยงค์ บิดาของนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ชยากร หรือ โยโย่ พุทธชัยยงค์ นรต.รุ่นที่ 69 คดีร่มชูชีพไม่กาง รวมทั้งให้ชำระค่าทนายความแทนโจทก์ด้วยอีก 10,000 บาท ส่วนบริษัทการบินไทยฯ จำเลยที่ 1 และพนักงานคนอื่นๆ จำเลยที่ 3 - 8 และที่ 10 นั้นศาลพิเคราะห์เห็นว่า ไม่ได้กระทำการอันเป็นการประมาทเลินเล่อจนทำให้นรต.ชยากรต้องเสียชีวิต จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายสาธร บิดาของ นรต.ธนากร งจะยื่นอุทธรณ์คดีอย่างแน่นอน ด้านนายอนันตไชย ไชยเดช ทนายความ กล่าวว่า ศาลยกฟ้องจำเลยอีก 8 ราย ซึ่งตนยังไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาในส่วนนี้ เพราะเห็นว่า จำเลยที่ศาลยกฟ้องมีส่วนร่วมในการกระทำละเมิดด้วย ตนจึงจะปรึกษากับนายสาธร โจทก์ เพื่อยื่นอุทธรณ์ ให้ศาลพิพากษาลงโทษร่วมชดใช้ค่าเสียหายต่อไปด้วย



+++ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล กับพวกรวม 6 คน ตกเป็นจำเลยคดีฆาตกรรนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันข่มขืนใจ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง , ร่วมกันซ่อนเร้นศพ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 5 ได้รับเงินกว่า 4,000,000 บาท โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด แต่กลับไม่ห้ามปราม ซ้ำยังแบ่งทรัพย์ออกเป็น 2 ส่วน เพื่อช่วยซุกซ่อนทรัพย์ เป็นการสนับสนุนให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง แม้จำเลยจะอ้างว่าไม่เคยกระทำผิดมาก่อนและเคยทำคุณงามความดีมาในอดีต ไม่มีเหตุผลเพียงพอให้พิจารณารอการลงโทษ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำคุก 1 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา  เหตุเกิดระหว่างวันที่ 6-9 มิถุนายน 2556 นายสันติภาพและนายสุทธิพงศ์ จำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนและมีด ปล้นทรัพย์นายเอกยุทธ รวม 9 รายการ มูลค่า 6,600,000 บาท โดยใช้อาวุธทำร้ายและหน่วงเหนี่ยวกักขังบังคับให้นายเอกยุทธ ออกเช็คเบิกถอนเงิน และใช้เชือกรัดคอจนนายเอกยุทธถึงแก่ความตายก่อนนำศพใส่รถตู้ ไปฝังในไร่นาสวนผสมทิ้งร้าง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เพื่อปกปิดความผิด มีจำเลยที่ 3-4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตายจำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้

ข่าวทั้งหมด

X