น้ำมันโลกปรับขึ้นกังวลพายุลูกใหม่/กระทิงแดง เลิกลงทุนที่ห้วยเม็ก/ตั้งกมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.ผู้สุงอายุหลังสนช.เห็นชอบ

 +++พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีจากสหรัฐอเมริกา รุ่นคอบร้า เพื่อเข้าประจำการทดแทนเครื่องเก่าจำนวน 6 ลำ ว่าเป็นเครื่องเก่าหมดอายุ หน่วยต้นสังกัดทำเรื่องเสนอมาให้กองทัพบก ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดมาตรฐาน ยังไม่ไปถึงไหนเลย ยังไม่คิดซื้อ และการดำเนินการอาจยังไม่ทันยุคที่ตัวเองเป็น ผบ.ทบ. และยังไม่ผ่านคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์กองทัพบก (กมย.ทบ.) เพราะฉะนั้นอย่าไปให้ความหวัง

+++เช้านี้ นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) จะเดินทางไปยื่นหนังสือ ขอความเป็นธรรมที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากเมื่อวานแถลงข่าวขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูกคำสั่งโยกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การโยกย้ายดังกล่าว ทำให้เสียชื่อ เพราะในคำสั่ง มีการระบุว่า ถูกตั้งกรรมการตรวจสอบทุจริต ยอมรับมติ แต่สิ่งที่อยากบอกคือ ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ และป่าไม้ของประเทศ โดยเฉพาะการทวงคืนผืนป่า จำนวนมากไปกระทบกับนายทุน ทั้งที่ภูทับเบิก เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้ง การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และซิปไลน์ที่ จ.เชียงใหม่

+++บริษัทเคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มกระทิงแดง ทำหนังสือชี้แจงว่า ผู้ถือหุ้นมีมติยกเลิกการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น โดยบริษัทตัดสินใจยกเลิกแผนการลงทุนก่อสร้าง บริษัทกำลังพิจารณาหาสถานที่ ที่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เพราะโรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตสำคัญเพื่อการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน

+++การช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้มีรายได้น้อย ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)  มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่...) พ.ศ...ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ 19 คน พิจารณาภายใน 45 วัน สมาชิกสนช.ส่วนใหญ่ อภิปรายสนับสนุน เนื่องจากมีผู้สูงอายุในสังคมไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส ควรได้รับเบี้ยยังชีพเพิ่มขึ้น และควรคัดกรองกลุ่มผู้สูงอายุที่เดือดร้อนจริง ๆ เพื่อความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ

+++สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือ ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย จะได้เบี้ยยังชีพเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 100 บาทต่อเดือน และได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีรายได้น้อยได้รับสิทธิดังกล่าวกว่า 3 ล้านคน

+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ ปิดที่ 50.79 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 57 ดอลาร์ต่อบาร์เรล เอ็กซอน โมบิล คอร์ป ต้องอพยพพนักงาน ออกจากแท่นขุดเจาะแห่งหนึ่ง ส่วนชเฟรอน คอร์ป ก็เตรียมปิดแท่นขุดเจาะ 2 แห่งในอ่าวเม็กซิโก เพื่อรับมือกับพายุโซนร้อน Nate ที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงเป็นเฮอร์ริเคนในช่วงสุดสัปดาห์ และอาจจะเคลื่อนผ่านใจกลางอ่าวเม็กซิโก

+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง ท่ามกลางความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อทิศทางผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯช่วงไตรมาส 3 และแนวโน้มแผนลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 113.75 จุด ปิดที่ 22,775.39 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.33 จุด ปิดที่ 2,552.07 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 50.73 จุด ปิดที่ 6,585.36 จุด



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขขาดดุลการค้า หดตัวลงในเดือนสิงหาคม ยอดส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์และจำนวนผู้ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์คนว่างงานน้อยกว่าที่คาดหมายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

+++ปัจจัยนี้เองที่ทำให้ราคาทองคำ ปิดลบเล็กน้อย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,273.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++คดีอาชญากรรม 10.00 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นเงิน 196 ล้านเยน หรือประมาณ 60 ล้านบาท ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยได้ทำร้ายลูกน้องของนายภัทริศ หรือโต้โต้ แต้รัตนชัย อายุ 34 ปี นักธุรกิจซื้อขายทองคำแท่งและส่งออกเครื่องเพชรไปญี่ปุ่น บริเวณลานจอดรถชั้น 5 คอนโดมิเนียมรัชดาพาวิลเลี่ยน ถนนรัชดาภิเษก ซอย 30 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร  เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 2 ต.ค.ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ สีส้ม ทะเบียนป้ายแดง ส-5179 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของผู้เสียหาย และคนร้ายใช้ในการหลบหนี ถูกจอดทิ้งไว้ริมถนนเลียบรฟม.ขาเข้าใกล้กับแยกผังเมือง แขวงและเขตห้วยขวาง พร้อมกันนี้ได้จับกุมผู้ก่อเหตุแล้ว 5 คน จาก 7 คน หนึ่งในนั้นคือนายณรงค์ชัย หรือ "จั๊ว" สวัสดิผล ผู้ถือเงินเยนดังกล่าวมาจากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันวางแผนกับคู่เขยของตัวเองเพื่อปล้นทรัพย์นายจ้าง ขณะที่เงินของกลางตำรวจตรวจยึดไว้ได้ทั้งหมด เหลืออีก 2 คน ที่ยังหลบหนี

+++หลังจากที่นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อดีตทนายความ อาสามาว่าความให้ครอบครัวของน้องบีม ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง อายุ 14 ปี ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถพ่วง 18 ล้อในพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 ทำให้พ่อน้องบีมเสียชีวิต นางพรทิพย์ จันทรัตน์ แม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และน้องบีม บาดเจ็บสาหัส ถูกตัดขาทั้ง 2 ข้าง หลังศาลตัดสินให้เจ้าของบริษัทและคนขับรถพ่วง 18 ล้อ จ่ายเงินเยียวยาให้ครอบครัว น้องบีมประมาณ 5 ล้านบาท แต่ถูกนายพิสิษฐ์ปลอมแปลงเอกสารไปเบิกเงินและยักยอกเอาไป ล่าสุด ศาลจังหวัดตลิ่งชัน พิพากษาให้จำคุกนายพิสิษฐ์ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ใช้เอกสารปลอม และฉ้อโกง เป็นเวลา 5 ปี 12 เดือน ห้ามประกอบอาชีพทนายความ 5 ปี หลังพ้นโทษ

+++นางพรทิพย์ เปิดเผยว่า ยังเป็นห่วงในเรื่องของคดี เพราะทราบมาว่าเขาไม่มีทรัพย์สินเลยก็กลัวว่าจะไม่ได้เงินคืน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย  ด้านน้องบีม ขอบคุณในขบวนการของกฎหมายที่ได้ลงโทษไปแล้ว ส่วนของคดีที่จะได้เงินคืนก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือไม่อยากให้คดีเงียบหายไป สงสารแม่ที่ต้องมาลำบาก

แฟ้มภาพ